visa blog : สำหรับคนไทยค่ะ
  • Home
  • Blog

รู้หรือไม่ EP1

3/10/2023

 


█   ถือ Bridging visa A ออกนอกออสเตรเลียไม่ได้ (จริงๆออกได้ - ออกเมื่อไหร่วีซ่าหาย - กลับเข้าออสเตรเลียไม่ได้)

█   ยื่นขอ Bridging visa B (BVB) แล้วออกนอกออสเตรเลียเลยไม่ได้ .... ต้องรอวีซ่าออกก่อนแล้วค่อยเดินทาง

█   ระยะเวลารอ Bridging visa B (BVB) มีตั้งแต่ 1 วัน ถึงเป็นเดือน เพราะฉะนั้นเผื่อเวลาด้วย

█   ธุรกิจตั้งใหม่ก็สปอนเซอร์พนักงานได้

█   ไม่ว่าเป็นธุรกิจแบบเจ้าของคนเดียว ห้างหุ้นส่วน บริษัท หรือ Trust/Trustee ก็สปอนเซอร์พนักงานได้


█   ยื่นขอวีซ่าจากไทย เช่นวีซ่าท่องเที่ยว วีซ่านักเรียน แล้วถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลทั่วๆไป เช่นไม่เชื่อว่าจะมาเที่ยวจริง จะมาเป็นนักเรียนจริง หรือส่งเอกสารไม่ครบ จะยื่นใหม่กี่รอบก็ได้ จะยื่นใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ แต่ควรยื่นเมื่อมีเอกสารที่ดีกว่าเดิม และตอบโจทย์ประเด็นที่ถูกปฏิเสธ

█   ถูกปฏิเสธวีซ่าด้วย Public Interest Criterion (PIC) 4020 เพราะมีการให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง - ติดบาร์ 3 ปี -  โอกาสขอวีซ่าใหม่แล้วผ่าน .... ยากมาก

█   คนที่เคยถูกยกเลิกวีซ่า (ส่วนใหญ่) ติดบาร์ 3 ปี

█   เคยอยู่เกินวีซ่า ไม่ได้แปลว่าจะต้องติดบาร์ 3 ปีเสมอไป

█   ได้รับแจ้งว่าวีซ่าออกแล้ว ป้องกันการถูกหลอกด้วยการขอจดหมายแจ้ง (Visa grant letter) และเช็คสถานะวีซ่าได้ด้วยตัวเอง ผ่านระบบของอิมมิเกรชั่นที่ VEVO

█   ถูกปฏิเสธวีซ่าในออสเตรเลีย ไม่ได้ติด Section 48 บาร์กันทุกคน - บางคนไม่ติด - บางคนติด แต่ก็ยังยื่นวีซ่าบางประเภทได้


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com



HOT NEWS ข่าวดีของคนติด Section 48 bar

30/10/2021

 
Hot news ..... ใครติด Section 48 Bar .... สามารถยื่นวีซ่า

  • Subclass 190 -Skilled Nominated visa
  • Subclass 491Skilled Work Regional (Provisional) visa
  • Subclass 494 Skilled Employer Sponsored Regional (Provisional) visa

แบบในประเทศออสเตรเลียได้ตั้งแต่วันที่ 13 November 2021

โพสนี้ มาเร็ว ไปเร็ว แค่ต้องการแจ้งข่าวดี

คนเขียนเชื่อว่าต้องมีน้องหลายๆคนที่จะได้ประโยชน์จากข่าวนี้ ดีใจด้วยนะคะ



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com


น้องคนไหนส่งอีเมล์มา ช่วยอ่านหน่อยค่ะ

25/7/2021

 
น้องคนไหนส่งคำถามมาทางอีเมล์ น้อยมากที่คนเขียนจะไม่ตอบ และส่วนใหญ่จะตอบภายใน 1-3 วัน (แล้วแต่ความยุ่งและโอกาสของแต่ละวัน) ถ้าไม่ได้รับอีเมล์ตอบกลับ

  1. เช็ค Junk or Spam mailbox
  2. เช็ค Mailbox เต็มหรือเปล่า ปกติจะลองส่งใหม่ 2-3 รอบถ้ายังเด้งกลับมาเพราะเมล์เต็ม คนเขียนก็ไม่ทราบจะทำยังไง
  3. ใครส่งคำถามผ่าน "Contact us" จาก Immigration Success Australia website พิมพ์อีเมล์ตอบกลับของตัวเองให้ถูกต้องด้วย

ส่วนน้อยที่คนเขียนจะไม่ตอบอีเมล์ ก็เช่น คำถามกว้างๆสั้นๆ ประมาณ "หนูอยากทำพีอาร์ค่ะ"  "ผมอยากไปออสเตรเลีย ต้องทำยังไง"  ถ้าให้ข้อมูลมาแค่นี้ บอกตามตรงว่าไม่ทราบว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน จะให้อธิบายวีซ่าทุกประเภทก็คงไม่ไหว

เพราะฉะนั้น

สั้น กระชับ ได้ใจความ = ตอบได้ ตอบ | ถ้าตอบไม่ได้ เพราะรายละเอียดไม่พอ ต้องดูเอกสาร หรือต้องอธิบายกันยาว คนเขียนจะแจ้งรายละเอียดของการทำคอนซัลในอีเมล์ตอบกลับเลย

คนเขียนเป็นประเภทม้วนเดียวจบนะคะ ตอบกลับไปกลับมาทีละประโยค  สองประโยค ไม่ใช่สไตล์การทำงานของคนเขียน ถ้าไม่ทราบว่าจะเขียนยังไงให้สั้น กระชับ ได้ใจความ โทรเลยค่ะ 5 นาที Free advice


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : ป่วยระหว่างรอผลวีซ่า 186

28/12/2020

 
Q: ผมยื่นวีซ่า 186 แต่ตอนนี้วีซ่ายังไม่ออกครับ ระหว่างรอผมมีปัญหาสุขภาพและไม่ได้ไปทำงาน ตอนนี้ถือบริดจิ้ง 186 ถ้าผมรอที่นี่ไปเรื่อยๆ วีซ่าจะโดนแคลเซิลไหมครับ หรือ มีสิทธิ์ที่วีซ่าจะออกไหมครับ แล้ว ถ้ากรณีโดนยกเลิกวีซ่า ขออุทธรณ์ได้ไหมครับ

ปล. ทางร้านไม่แจ้งอิมและยังจ่ายเงินเดือนมาให้เรื่อยๆต่ออีกหลายเดือนครับ


A: เป็นอะไรที่ตอบยากนะคะ เพราะข้อมูลไม่ละเอียดพอ  ขอตอบให้คร่าวๆละกันค่ะ

ถ้าไม่ได้ไปทำงานเพราะป่วย คือลาป่วย และนายจ้างยังจ่ายค่าจ้างระหว่างรอให้น้องสุขภาพดีขึ้นและกลับมาทำงานได้ตามปกติ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ โอกาสที่จะได้วีซ่าก็ยังมีค่ะ เก็บเอกสารทุกอย่างไว้ เผื่อจำเป็นต้องใช้ ถ้าถูกปฏิเสธก็ยื่นอุทธรณ์ได้ค่ะ

ถ้าไม่ได้ไปทำงานเพราะป่วยจนไม่สามารถทำงานในตำแหน่งที่ได้รับการสปอนเซอร์ได้อีกต่อไปแบบถาวร โอกาสที่ Nomination application และ/หรือ 186 visa application จะถูกปฏิเสธก็มีค่ะ และถ้าได้วีซ่ามา โอกาสที่จะถูกยกเลิกวีซ่าก็มีเช่นกัน อุทธรณ์ได้ค่ะ ส่วนจะชนะหรือไม่อีกเรื่องนึง ต้องทราบรายละเอียดมากกว่านี้ โอกาสที่จะไปต่อในชั้นการพิจารณาอื่นอาจจะมี ขึ้นอยู่กับเนื้อหาที่แท้จริงของเคสและเอกสารประกอบการพิจารณา 



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com



Q & A : Bridging visa E ต้องขอก่อนหรือหลังวีซ่าหมด

7/11/2020

 
Q: อยากสอบถามเรื่อง Bridging Visa E ค่ะ พอดีว่าติด Section 48 bar จาก 485 visa refusal แล้วต้องกลับไทยภายใน 28 วัน แต่ว่ายังหาไฟลท์กลับไทยไม่ได้ เลยต้องการยื่นขอ BVE ไม่ทราบว่าต้องขอก่อนหรือหลังวีซ่าหมดหรอคะ

A: ถ้าตอนนี้ถือ BVE อยู่แล้ว = ต่อก่อนวีซ่าหมด
ถ้าตอนนี้ถือวีซ่าอื่น เช่น BVA = ต่อวันถัดไปหลังวีซ่าหมด (เช่น BVA หมดวัน 14, ยื่นใบสมัคร BVE วันที่ 15)

ป.ล.1    วีซ่าถูกปฏิเสธ น่าจะมี 35 วันนะคะ ไม่ใช่ 28 วัน ลองเช็ค VEVO ดูอีกครั้งว่าวีซ่าหมดวันไหนแน่
ป.ล.2    ในกรณี 485 ถูกปฏิเสธ น่าจะมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์นะคะ ลองพิจารณาดูว่าเป็นเคสที่ควรจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : วีซ่าถูกปฏิเสธ ควรจะยื่นอุทธรณ์ หรือยื่นใหม่

4/11/2020

 
Q: วีซ่าเพิ่งถูกปฏิเสธมาน่ะค่ะ อยากทราบว่าควรจะยื่นอุทธรณ์ หรือรอซักระยะนึงแล้วยื่นใบสมัครใหม่ดีคะ

A: ต้องดูว่าถูกปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไร เป็นอะไรที่เราสามารถโต้เถียงหรือปรับปรุงได้ไหม ถ้าได้ เราควรจะโต้เถียงหรือปรับปรุงที่ชั้นอุทธรณ์หรือที่ชั้นอิมมิเกรชั่นดี แต่ละเคสก็มีแนวทาง (Strategy) การทำเคสไม่เหมือนกันค่ะ ก็เป็นคำถามที่ไม่สามารถตอบได้โดยไม่พิจารณาเอกสารและซักถามข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำให้นัดปรึกษาเบื้องต้นนะคะ เราต้องดูเอกสารและคุยกันค่ะ


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com



แชร์ประสบการณ์ Consultation รอบที่ 2

5/10/2020

 
คนเขียนมีน้องๆนัดขอคำปรึกษาเบื้องต้น (Initial Consultation) กันเป็นปกตินะคะ บางคนก็

  • ชัดเจนมาเลยว่าต้องการทำวีซ่าอะไร (แต่บางครั้งคนเขียนก็เสนอวีซ่าตัวอื่นที่เหมาะสมกว่า)
  • ไม่ทราบอะไรเลยและต้องการหาแนวทาง หรือวางแผนอนาคต
  • มีปัญหาด่วนมาให้แก้ไขให้
  • มีเวลาตั้งเยอะแต่ไม่ทำอะไร เหลือ 1 อาทิตย์บ้าง 3 วันบ้าง
  • วีซ่าจะหมดวันพรุ่งนี้ วันนี้เพิ่งติดต่อมา

ปกติคนเขียนไม่ทำงานวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ  บางวัน 5ทุ่ม เที่ยงคืน ตี3 ยังนั่งทำงาน แต่จะพยายามเลิกรับโทรศัพท์หลัง 1ทุ่ม

สำหรับเคสด่วน นัดปรึกษาวันเสาร์อาทิตย์ หรือแม้กระทั่ง 3-4 ทุ่ม คนเขียนก็จัดให้นะคะ แต่ด่วนของลูกความ กับด่วนของคนเขียน คนละเรื่องกัน เช่น


  • ลูกความเพิ่งแพ้ที่ชั้นอุทธรณ์มา ต้องการทราบว่าจะอุทธรณ์ต่อหรือจะกลับไทยดี เคสนี้มี 35 วัน จริงๆเคสนี้ไม่ด่วน แต่ไฟล์กลับไทยช่วงโควิดมีไม่เยอะ และเต็มเร็วมาก เพราะฉะนั้นเวลาเป็นเรื่องสำคัญ และอาจจะมีผลกระทบกับวีซ่าของลูกความในอนาคต (ถ้าตัดสินใจจะกลับ แต่กลับไม่ได้ก่อนวีซ่าหมด) เคสนี้คนเขียนดูเคสให้วันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็น 3 วัน Long weekend สงสารตัวเองนิดนึง แต่ด่วนก็คือด่วน จัดให้
  • เคสที่ลูกความถูกเอเจนต์ลอยแพ และมี deadline คนเขียนก็ดูเคสให้แบบด่วน ส่วนจะรับทำเคสหรือไม่อีกเรื่องนึง
  • เคสที่วีซ่าจะหมดวันพรุ่งนี้ แต่เพิ่งติดต่อมา อันนี้ด่วนของคุณ ไม่ด่วนสำหรับคนเขียนนะคะ

เข้าเรื่องดีกว่า ...... คนเขียนก็จะมีลูกความบางคนที่เคยทำ Initial Consultation แล้ว หายไปพักนึง ก็ขอนัดอีกรอบ หรืออีก 2 รอบ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร รอบแรกอาจจะเป็นการหาแนวทาง รอบสองอาจจะพร้อมทำเรื่องยื่นวีซ่า หรือติดปัญหาอะไรบางอย่าง หรือสถานะของลูกความเปลี่ยน หรือกฏหมายเปลี่ยน

เคส Consultation รอบที่ 2 ที่คนเขียนแอบเซ็ง(และเสียดายแทน) ก็จะประมาณ 4 เคสข้างล่างค่ะ


เคสที่ 1

Initial Consultation .... เคส Partner visa .... ลูกความไม่ถือวีซ่า คนเขียนแนะนำเคสนี้ให้ยื่นในประเทศออสเตรเลียเท่านั้น โน๊ตตัวโตๆไว้ในไฟล์ว่า "Complex case - Onshore only"   เหตุผลคือนอกจากจะไม่ถือวีซ่าแล้ว ประวัติทางวีซ่าก็ dodgy จะด้วยความตั้งใจหรือได้รับคำแนะนำผิดๆคนเขียนไม่ทราบ รวมถึงประวัติส่วนตัว ที่คนเขียนเชื่อว่าถ้าออกไปแล้วจะไม่ได้กลับเข้ามา

4 ปี ผ่านไป ลูกความติดต่อมาขอ Consultation รอบที่ 2 ... ปรากฏว่าตอนนี้กลับประเทศตัวเองไปแล้ว ..... 
       
                                                                       What!  Why?

                     .... ก็แนะนำแล้วว่าไม่ให้กลับ ให้ยื่น Onshore = ยื่นในประเทศออสเตรเลีย

ลูกความบอกว่าขอโทษนะที่ตอนนั้นไม่เชื่อยู หลังจากที่คุยกันเสร็จ เอาไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนแนะนำคนอื่นที่เป็นคนชาติเดียวกันให้ เลยใช้บริการเค้าแทน ถูกเรียกเก็บเงินตลอดแล้วไม่ทำอะไรให้เลย .....  4 ปีผ่านไป คนนี้ก็แนะนำให้กลับออกไปยื่น Offshore Partner visa บอกว่าง่ายและเร็ว นี่กลับมาประเทศตัวเองได้หลายเดือนแล้ว เงินก็โอนไปแล้ว เค้ายังไม่ได้ยื่นวีซ่าให้ แถมติดต่อไม่ได้ด้วย

เคสนี้มีตั้งแต่การอยู่เกินวีซ่า เปลี่ยนชื่อกลับมาใหม่ ไม่แจ้งชื่อเดิม ยื่นสาระพัดวีซ่า รวมถึง Protection visa ยื่นเอกสารปลอม อยู่เกินวีซ่าต่ออีก 10 กว่าปี ที่สำคัญมีประวัติคดีอาญาร้ายแรง ประเภทที่อิมมิเกรชั่นจะต้องปฏิเสธวีซ่า ยกเว้นว่าจะมีเหตุผลน่าเห็นใจ ..... (ประวัติทางวีซ่าโชกโชนขนาดนี้ ความเห็นใจของอิมมิเกรชั่นจะมีเหลืออยู่แค่ไหน ..... แถมตอนนี้ลูกความอยู่นอกออสเตรเลีย เหตุผลหลายๆอย่างที่อาจจะเอามาใช้ได้ ถ้าลูกความอยู่ในออสเตรเลียก็หายไปด้วย) .... เพราะฉะนั้นยื่น Offshore ไม่มีทางง่ายและเร็ว ..... มีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกนาน หรืออาจจะไม่ได้กลับเข้ามาอีกเลย

คนเขียนบอกเลยว่าในบางเคส Offshore is NOT an option!  และการพยายามหาทางให้ลูกความอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียต่อ ง่ายกว่าการพยายามเอาลูกความกลับมานะคะ


เคสที่ 2

Initial Consultation .... ลูกความไม่ถือวีซ่า ติด section 48 บาร์ด้วย ทางเลือกสำหรับทำพีอาร์ไม่มี คนเขียนคิดว่ากลับไทยติดบาร์ 3 ปีน่าจะดีกว่า ดูประวัติแล้ว หลังบาร์ 3 ปี น่าจะมีโอกาสได้กลับมา

7 ปีผ่านไป ลูกความติดต่อมาขอ Consultation รอบ 2 ...... ปรากฏว่าตอนนี้ก็ยังอยู่ที่นี่ เชื่อเพื่อนและนายหน้ายื่น Protection visa ไปเรียบร้อย จากนั้นก็ไปอ่านเจอจากหลายแหล่ง รวมถึง VisaBlog ของคนเขียนด้วยว่าไม่ควรยื่น Protection visa ตอนนี้เริ่มกังวลกับผลเสียที่จะตามมา

คนเขียนก็งงกับเคสนี้นะคะ จะว่าไฺม่เคยรู้จักคนเขียนมาก่อนก็ไม่ใช่ เพราะเคยนัดปรึกษากันมาแล้ว แทนที่จะปรึกษาว่าควรหรือไม่ควรยื่น Protection visa ก่อนยื่น ก็ไม่ทำ ...... ยื่นไปแล้ว ค่อยมากังวล ค่อยมาหาคำปรึกษา .... ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าน้องคิดอะไร


เคสที่ 3

Initial Consultation ..... เคส Partner visa เป็นเคสที่ตรงไปตรงมา ไม่ได้มีประเด็นซีเรียสอะไรที่น่ากังวล แต่คนเขียนก็อธิบายเงื่อนไข Requirements ของ Partner visa และบอกจุดที่ควรระวังให้ทราบ น้องถามว่า
ถาม ...... จำเป็นต้องใช้บริการคนเขียนไหม
ตอบ ..... น้องต้องถามตัวเองว่าเข้าใจกฏหมาย เงื่อนไข เอกสาร หลักฐาน ของการทำ Partner visa แค่ไหน แต่ละคนก็มีขีดความสามารถแตกต่างกันไป คนที่ทำเองแล้วผ่านก็เยอะแยะ คนที่ทำเองแล้วถูกปฏิเสธก็มี เคสที่มาให้คนเขียนทำอุทธรณ์ให้ก็เยอะ
ถาม ...... ถ้าน้องจะทำเคสเอง และเสียค่าปรึกษาเพื่อขอคำแนะนำเป็นระยะๆ และให้คนเขียนตรวจเช็คเอกสารให้ก่อนยื่นล่ะ
ตอบ ..... ไม่มีบริการนี้ค่ะ สำหรับคนเขียนมีแค่ 2 ทาง ทำเคส หรือไม่ทำเคส  เคส Partner visa เหมือนกัน แต่ Strategy (แผนการทำงาน) ของแต่ละเคสไม่เหมือนกัน เคสที่ไม่มีประเด็นซีเรียส ไม่ได้แปลว่าไม่มีจุดที่ควรระวัง บางเคสเราเห็นปัญหาระหว่างการเตรียมยื่น และการตัดสินใจยื่นหรือไม่ยื่นเอกสารบางชิ้น นำเสนอหรือไม่นำเสนอข้อมูลบางอย่างเป็นอะไรที่ต้องคิด ต้องตัดสินใจทั้งนั้น  สำหรับคนเขียน Quality control เป็นเรื่องสำคัญ และเคสที่มาให้ดูแลแบบครึ่งๆกลางๆเป็นอะไรที่ Control ยากมาก

ลูกความตัดสินใจทำเคสเอง

...... 2 ปีผ่านไป ลูกความขอนัด Consultation รอบ 2 ... ส่งคำตัดสินปฏิเสธ Partner visa มาให้อ่าน พลาดไปกับการเลือกเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์


เคสที่ 4

Initial Consultation .... ลูกความเลิกกับแฟนคนเดิม มีแฟนคนใหม่ คนเขียนแนะนำวีซ่าที่คิดว่าเหมาะสมให้ และแนะนำให้ Declare ข้อมูลกับอิมมิเกรชั่น เคสนี้ลูกความอยู่ในจุดที่ไม่มีหน้าที่ต้อง Declare  แต่สำหรับเคสนี้ Strategically แล้ว ลูกความควร Declare

ลูกความหายไป 2 ปีกว่า ขอนัด Consultation รอบ 2 เคสถูกปฏิเสธเพราะประเด็นนี้เลย ถามว่าแนะนำแล้วทำไมถึงไม่ทำ ลูกความบอกว่ายื่นวีซ่าที่คนเขียนแนะนำ แต่ให้เอเจนต์อีกคนดูแลเคสและยื่นวีซ่าให้ ซึ่งเอเจนต์บอกว่าไม่มีหน้าที่ต้อง Declare ก็ไม่ต้อง Declare ก็เลยทำตามที่เอเจนต์แนะนำ ...... 

ทนาย และเอเจนต์แต่ละคนก็มีสไตล์การทำงาน และ Strategy (แผนการทำงาน) ของแต่ละเคสแตกต่างกันไปนะคะ  ชอบสไตล์การทำงานแบบไหน   ชอบ Strategy ของใคร  ใช้บริการคนนั้น   คนที่วาง Strategy ให้  โดยปกติก็จะมีแพลนอยู่ในหัวแล้ว (หวังว่านะ) ว่ารายละเอียดและสเต็ปการเดินเคส รวมถึงการยื่นเอกสารควรจะเป็นแบบไหนและเพราะอะไร และถ้าอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทาง ควรจะเดินเคสต่อยังไง



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : ถูกทวงค่าเทอมคอร์สที่ cancel ไปแล้วระหว่างถือ bridging visa

17/7/2020

 
Q: ตอนนี้หนูถือ bridging visa A จากการยื่น 482 ค่ะ มีสถานะติดตามแฟน แต่ตอนนี้ถูก รร ทวงค่าเทอมจาก course Advance diploma ซึ่งทาง รร ได้ cancel Course เอง แต่ไม่ได้ cancel visa วีซ่าของหนูจึงหมดปกติก่อนที่จะกลายเป็น bridging อัตโนมัติ รบกวนสอบถามค่ะ ว่ากรณีนี้ หนูจำเป็นต้องจ่ายค่าเทอมมั้ยคะ แล้วจะมีผลอะไรกับวีซ่าตัวใหม่ที่ยื่นไปแล้วมั้ยคะ

A: ต้องจ่ายค่าเทอมไหม ในแง่กฏหมายข้อมูลไม่พอที่จะตอบค่ะ ต้องอ่านสัญญาที่น้องเซ็นไว้กับทางโรงเรียนว่ามีเงื่อนไขอย่างไร  และน้องปฏิบัติตัวยังไงที่จะทำให้โรงเรียนมีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์เรียกเงินจากน้อง

..... แต่บางครั้ง .....โรงเรียนรู้ทั้งรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์จะมาเรียกร้องอะไร ก็ลองนะ เผื่อได้ตังค์

จะมีผลอะไรกับวีซ่าตัวใหม่หรือไม่ คำตอบคือ "อาจจะ"  ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินที่โรงเรียนทวงมา แต่เป็นเพราะน้องทำผิดเงื่อนไขวีซ่านักเรียน ต้องไปเรียนแต่ไม่ไปเรียนจน CoE ถูกยกเลิก

482 มีข้อกำหนดว่าผู้สมัครจะต้อง "complied substantially" กับเงื่อนไขของวีซ่าตัวก่อนหน้าและ Bridging visa ที่ถืออยู่  เจ้าหน้าที่ก็ต้องพิจารณาประเด็นนี้ค่ะว่าถ้ามีการทำผิดเงื่อนไขของวีซ่ามาก่อน มันร้ายแรงจนต้องปฏิเสธวีซ่าหรือไม่

ป.ล. โรงเรียน Cancel visa ของน้องไม่ได้ (เหมือนๆกับที่แฟน หรือนายจ้างที่เป็นสปอนเซอร์ Cancel visa เราไม่ได้นั่นแหละค่ะ ..... แอบนอกเรื่องอีกแล้ว แต่อยากบอกให้ทราบกันไว้)  คนที่จะ Cancel visa ได้คืออิมมิเกรชั่น และก็ขึ้นอยู่เคสนั้นๆนะคะ บางเคสอิมมิเกรชั่นก็พิจารณาไม่ Cancel บางเคสก็อยาก Cancel แต่ทำไม่ทัน วีซ่าหมดซะก่อน

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Partner visa - Grant time for Stage 2 - PR

7/5/2020

 
ช่วงนี้เทรนการพิจารณา Stage 2 Partner visa (PR) คือ เร็วถึงเร็วมากนะคะ คนเขียนมีโอกาสได้แจ้งข่าวดีให้กับน้องๆหลายคนเลย

ต้องขอบคุณอิมมิเกรชั่นที่ถึงแม้จะไม่ได้ประกาศอะไรออกมา แต่เราก็ทราบได้จากการกระทำว่าหน่วยงานใน
อิมมิเกรชั่นเองก็พยายามช่วยหลายๆคนให้ได้พีอาร์โดยเร็ว

พอได้พีอาร์แล้ว หลายๆคนก็อาจจะได้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินที่รัฐบาลเสนอช่วยอยู่ ณ ตอนนี้ เนื่องจากสถานการณ์ COVID-19

น้องๆที่ยื่นเอกสาร Stage 2 Partner visa ไปแล้ว อาจจะสงสัยว่าเราจะได้วีซ่าเร็วๆกับเค้าบ้างไหม ไม่มีใครตอบได้ แต่อย่างนึงที่น้องๆทำได้คือ

- เช็คเอกสารของตัวเองว่ายื่นเอกสารครบตามที่อิมมิเกรชั่นต้องการหรือไม่ (Decision Ready Application)

- ยื่นเอกสารครบไม่พอนะคะ เอกสารที่ยื่นต้องมีคุณภาพด้วย

- มีประเด็นอะไรที่อาจจะเป็นปัญหาหรือไม่ ถ้ามี เป็นประเด็นง่ายๆที่เราสามารถนำเสนอได้เลย เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณา หรือเป็นประเด็นที่เราไม่ควรจะไปเปิดประเด็น (งงใช่ไหมล่า .... มันอธิบายยากนะตรงนี้ มันคือ Strategy การทำงานของแต่ละเคส)  ถ้าแนวโน้มเป็นประเด็นปัญหาใหญ่ ก็คงไม่ต้องหวังการพิจารณาที่รวดเร็วนะคะ เอาแค่หวังผ่านดีกว่า เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

ในเคส Stage 2 ของคนเขียน ก็มีประเด็นแตกต่างกันไป ยกตัวอย่าง 2 เคส

เคสนี้ประเด็นง่าย แต่ลูกความคิดมากเกินไป overthinking ไม่อยากให้ใส่รายละเอียดบางอย่าง เพราะกลัวว่าเคสจะเกิดปัญหา แต่ถ้าไม่ให้รายละเอียดก็ดูเหมือนความสัมพันธ์จะไม่แน่น คนเขียนพิจารณาแล้วไม่เห็นว่ามันจะเป็นปัญหาตรงไหน อยู่ที่การนำเสนอมากกว่า สรุปลูกความยอมทำตามคำแนะนำ เคสผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็ว นอกจากจะได้พีอาร์เร็วแล้ว ยังได้เงินช่วยเหลือจากรัฐบาลด้วย

อีกเคสนึง ลูกความทำ Stage 1 กับเอเจนต์อื่น แต่ไม่แฮ๊ปปี้ มาให้คนเขียนดูแล Stage 2 ให้ (ค่ะ เปลี่ยนเอเจนต์ระหว่างทางก็ทำได้ ถ้าไม่แฮ๊ปปี้ อย่าทน)   แน่นอนเคสแบบนี้ต้องเช็คประวัติและเอกสารกันค่อนข้างเยอะ โดยสรุปคือ
- ลูกความถึงกำหนดยื่น Stage 2 ตั้งแต่ 15 เดือนก่อนที่จะมาเจอคนเขียน (คือเลทไป 15 เดือนแล้ว ยังไม่ได้ยื่นเอกสารเลย) คือเอเจนต์ไม่ได้แจ้งให้ทราบ ไม่ได้แนะนำอะไรเลย
- ถามไปถามมาน้องมีลูกด้วย ลูกแต่ละคน ก็มีปัญหาเฉพาะของตัวเอง และมีทั้งอยู่ไทย และที่ออสเตรเลีย แถมคนที่อยู่ที่ออสเตรเลียวีซาก็กำลังจะหมด
- สปอนเซอร์ก็มีประวัติคดีอาญาชนิดที่ถ้าพ่วงลูกด้วย เคสอาจจะมีปัญหา
- การเงินก็ต้องเอามาพิจารณา เนื่องจากมีลูกหลายคน พ่วงลูกด้วยค่าใช้จ่ายโดยรวมถูกกว่าการได้พีอาร์คนเดียวแล้วค่อยมาทำวีซ่าให้ลูกๆภายหลัง
- จะยื่น Stage 2 คนเดียว หรือจะพ่วงลูกด้วยดี ตอนนี้ก็เลทมาตั้ง 15 เดือนแล้ว จะพ่วงลูกมีหลายสเต็ปที่ต้องทำ ยิ่งเลทไปกันใหญ่  บวกประวัติคดีอาญาของสปอนเซอร์เข้าไปให้กังวลอีก

อ่านข้างบน อาจจะคิดว่าคนเขียนคงแนะนำให้ยื่นคนเดียวให้รอดก่อนค่อยหาทางเอาลูกมา แต่ไม่ค่ะ หลังจากนั่งคิดนอนคิดตีลังกาคิด บวกกับการทำ Research และวางแผนงาน (Strategy) คนเขียนแนะนำให้ทำเรื่องพ่วงลูกเลย  ไหนๆก็เลทมา 15 เดือนแล้ว ก็เลทกันต่อไป (Why not?) แต่เลทแบบอยู่ในความดูแลของคนเขียน แผนต้องมา งานต้องเดิน ไม่ใช่เลทแบบตามมีตามเกิดไม่ทำอะไรเลย  ถ้านับจากวันที่ Stage 2 Partner visa พร้อมพิจารณา เคสนี้ใช้เวลา 5 เดือน ซึ่งถือว่าเร็วมากสำหรับเคสแบบนี้ (ก่อนหน้านี้เราก็ลุยกับเคสของลูกๆและประวัติของสปอนเซอร์ไป เหนื่อยแต่จบ ได้พีอาร์พร้อมกันทุกคน แถมประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อีกเยอะ)

ป.ล.1  ไม่ใช่ทุกเคสที่ควรจะพ่วงลูกนะคะ บางเคสก็ต้องยอมยืดเยื้อ และเสียค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เอาตัวเองให้รอดก่อน เรื่องลูกค่อยว่ากันภายหลัง

ป.ล. 2   ช่วงนี้มีน้องๆถามกันมาเยอะนะคะว่าเคยถูกปฏิเสธวีซ่า หรือเคยถูกยกเลิกวีซ่า ติด Section 48 บาร์ หรือตอนนี้ไม่ถือวีซ่า จะยื่น Partner visa ในประเทศออสเตรเลียได้ไหม  ...... คำตอบคือยื่นได้ค่ะ คนเขียนทำเคสประมาณนี้มาแล้วหลายเคส เช่นเคสนี้ หรือโพสนี้ ....แต่... เคสที่ติด Section 48 บาร์ ไม่ใช่ทุกเคสนะคะที่เหมาะสมกับการยื่นแบบในประเทศออสเตรเลีย

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

ฺBE honest โปรดแจ้งชื่อเดิม และประวัติที่ถูกต้องในใบสมัครวีซ่า

8/2/2020

 
นานๆทีก็จะมีน้องโทรมาถามประมาณนี้

"พี่ครับผมเคยไปออสเตรเลียและหนีวีซ่ามาระยะนึง ถูกจับได้และส่งกลับ ตอนนี้อยู่ไทย เอเจนต์แนะนำให้ผมเปลี่ยนชื่อแล้วไปขอพาสปอร์ตด้วยชื่อใหม่ นี่ผมไปเปลี่ยนชื่อมาแล้ว กำลังจะไปทำพาสปอร์ต พี่ว่าผมจะได้วีซ่าไหมครับ "

อารมณ์คนเขียนก็ประมาณ

"โอ้โหน้อง เอเจนต์ที่ไหนคะเนี่ยแนะนำแบบนี้" 

เอเจนต์คงไม่ได้แนะนำให้เปลี่ยนชื่อ เผื่อชื่อใหม่จะทำให้ดวงดีได้วีซ่าหรอกค่ะ  คาดว่าเอเจนต์ตั้งใจจะยื่นวีซ่าให้โดยใช้ชื่อใหม่ ไม่แจ้งชื่อเดิม เผื่ออิมมิเกรชั่นจะไม่เจอว่าน้องเคยมีประวัติหนีวีซ่า

การไม่แจ้งชื่อเดิมในใบสมัคร อาจจะมีผลกระทบกับวีซ่าได้นะคะ โดยเฉพาะในกรณีที่ชื่อเดิมมีประวัติไม่ดีแบบนี้ ถ้าอิมมิเกรชั่นตรวจเจอเข้าในระหว่างพิจารณาวีซ่า นอกจากอาจจะถูกปฏิเสธวีซ่าเพราะประวัติเดิมแล้ว ยังอาจจะถูกติดบาร์ 3 ปี (PIC 4020) จากการให้ข้อมูลที่ไม่เป็นจริงด้วย ถ้าบังเอิญโชคดีได้วีซ่า ก็ไม่ได้แปลว่าอนาคตจะไม่มีปัญหา ต่อให้หมกเม็ดไปตลอดรอดฝั่งจนได้พีอาร์ ได้เป็นพลเมือง อิมมิเกรชั่นก็อาจจะมาเจอประวัติเก่าเข้าจนได้

คนเขียนเอาเคสที่เพิ่งอ่านเจอเมื่อเร็วๆนี้มาแชร์นะคะ

เคสนี้คือเข้ามาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว พบรัก แต่งงาน ขอวีซ่าคู่ครอง ความสัมพันธ์ไปไม่รอด ไม่ได้พีอาร์และกลับประเทศไป  ต่อมาพบรักใหม่กับออสซี่อีกคน แทนที่จะขอวีซ่าคู่ครองตามปกติซึ่งก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เอเจนต์กลับแนะนำให้เปลี่ยนชื่อก่อนยื่น เพื่อที่จะยื่นวีซ่าคู่ครองด้วยชื่อใหม่โดยไม่แจ้งชื่อเดิม คือประวัติใสค่ะ เสมือนไม่เคยขอวีซ่า

สรุปว่าได้วีซ่าคู่ครองกับแฟนใหม่ด้วยชื่อใหม่ และต่อมาก็ได้เป็นพลเมืองด้วยชื่อใหม่ ......18 ปีผ่านไปอิมมิเกรชั่นไปเจอเข้าโดยบังเอิญ (เดี๋ยวนี้ระบบคอมพิวเตอร์เค้าเริ่ดนะคะ) โดนยกเลิกการเป็นพลเมือง เจ้าตัวขอความเห็นใจว่าเค้ามีลูกและก็ลงหลักปักฐานที่นี่มา 18 ปีแล้ว และที่ทำแบบนั้นก็เพราะเอเจนต์แนะนำให้ทำ ....  คืออิมมิเกรชั่นหรือศาลไม่ค่อยฟังหรอกนะคะเหตุผลประมาณนี้ เพราะคุณเองก็ต้องมีวิจารณญาณคิดได้เองด้วยว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ใบสมัครของคุณถือว่าคุณเป็นคนให้ข้อมูลจะมีคนช่วยหรือไม่ก็แล้วแต่ (เพราะฉะนั้นต่อให้ใช้บริการเอเจนต์หรือทนาย ก็ต้องใส่ใจเคสตัวเองค่ะ no ifs no buts)

ถ้าตั้งใจจะเปลี่ยนชื่อเพื่อให้ประวัติใสสะอาด อย่าทำค่ะ ไม่คุ้ม

ถ้าเปลี่ยนชื่อเพราะเชื่อเรื่องดวง แต่งงาน หย่า หรือด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แจ้งชื่อเก่าและประวัติเก่าให้อิมมิเกรชั่นทราบด้วยค่ะ จะได้พีอาร์ และอนาคตจะต่อยอดไปเป็นพลเมือง ก็เอาให้แน่ใจว่าได้มาแล้วมันจะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต 

คนเขียนมีเคสน้องคนนึงเคยถือวีซ่าท่องเที่ยว จากนั้นก็ถือวีซ่านักเรียนอีก 2-3 ตัว น้องมาให้คนเขียนดูแลในส่วนของวีซ่าคู่ครองให้   ถามไปถามมาได้ความว่าในใบสมัครวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่านักเรียน น้องแจ้งว่า Never married (ไม่เคยแต่งงาน / โสด) และไม่เคยมีชื่ออื่น แต่ในความเป็นจริงน้องเคยแต่งงาน เคยหย่า และเคยเปลี่ยนชื่อมา 6 หน !!!

คนเขียนแจ้งให้น้องทราบถึงโอกาสที่จะเกิดปัญหา PIC 4020 (การให้ข้อมูลไม่ถูกต้องในใบสมัครเดิม อาจจะทำให้ใบสมัครใหม่ถูกปฏิเสธและติดบาร์ 3 ปี)  น้องบอกว่า "แหมพี่คะ พี่ก็ทำให้มันเหมือนที่เอเจนต์เดิมทำสิคะ ไม่ต้องแจ้งอะไรทั้งนั้น" คนเขียนก็บอกว่า "น้องคะ น้องมาทางไหนน้องไปทางนั้นเลยค่ะ" .... ล้อเล่นค่ะ ไม่ได้พูด (แค่คิดในใจ)

คนเขียนบอกน้องว่าทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะ 1. ผิดจรรยาบรรณ   2. พีอาร์เป็นวีซ่าถาวร น้องอยากได้พีอาร์ระยะสั้น หรือพีอาร์ระยะยาว ถ้าได้พีอาร์แล้วถูกยกเลิกภายหลัง หรือได้เป็นพลเมืองแล้วถูกยกเลิก รับได้ไหม

มีทางเลือกให้น้อง 2 ทางคือ 1. ใช้บริการคนเขียน Declare ทุกอย่างตามความเป็นจริง แน่นอนคนเขียนจะช่วยอย่างเต็มที่เท่าที่ทนายคนนึงจะทำได้โดยไม่ผิดจรรยาบรรณ เคสเสี่ยงถูกปฏิเสธไหม เสี่ยงแน่นอน แต่ถ้าผ่านเราก็ได้วีซ่ามาอย่างถูกต้อง ไม่ต้องมากังวลว่ากรรมจะตามทันเหมือนเคสที่เล่าให้ฟังข้างบน  2. ไปใช้บริการคนอื่นได้เลยค่ะ

น้องตัดสินใจใช้บริการค่ะ เคสแบบนี้เป็นเคสต้องคิดเยอะค่ะ Strategy การทำงานต้องมี ว่าจะนำเสนอเคสแบบไหนให้เคสดูดีที่สุด ต้องคิดเผื่อแผนสอง แผนสาม (อย่ามาถามหาการันตี เคสง่ายแค่ไหนก็ไม่เคยการันตี เพราะคนเขียนไม่ใช่คนตัดสินเคส)  เราทำเต็มที่แล้วเราก็ลุ้นผลไปด้วยกัน เตรียมใจเผื่อต้องยื่นอุทธรณ์กันไว้เรียบร้อย แล้วเราก็ผ่านมันมาได้ที่ชั้นอิมมิเกรชั่น โดยไม่มีการขอเอกสารหรือข้อมูลเพิ่มเติมเลย ตอนนี้น้องก็เป็นพีอาร์ไปแล้ว เมื่อพร้อมขอเป็นพลเมืองก็ไม่น่าจะเจอปัญหาอะไร เพราะเราเซ็ตข้อมูลของลูกความให้อิมมิเกรชั่นทราบอย่างถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกลัวเผลอ ไม่ต้องกลัวเจอประวัติหมกเม็ดอีกต่อไป .....จริงๆ ระหว่างทางเราก็เจอประวัติคดีอาญาของน้องด้วย หลังจากที่ Declare ไปแล้วว่าไม่มีประวัติ น้องบอกว่า "หนูไม่รู้ หนูลืม" Great! - คนเขียนไม่รู้เหมือนกันว่าเรารอดมาได้ยังไง

สรุปว่า Declare (แจ้ง) ชื่อทุกชื่อ สถานะ และประวัติของเราอย่างถูกต้องค่ะ ถ้าปัญหาจะเกิดก็ให้มันเกิดซะตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะขอวีซ่าชั่วคราว หรือวีซ่าพีอาร์ ถ้าหมกเม็ดแล้วต้องมาตามแก้ปัญหา = ความเสี่ยงสูง/ ค่าใช้จ่ายสูง/ เสียเครดิต (หมดความน่าเชื่อถือ) หมกเม็ดไปเรื่อยๆก็อาจจะเจอแจ็คพอตแบบเคสข้างบน ถูกยกเลิกการเป็นพลเมืองหลังจากลงหลักปักฐานสร้างอนาคตที่นี่ไปเรียบร้อยแล้ว (เคสที่ถูกยกเลิกการเป็นพลเมืองมีอยู่เรื่อยๆนะคะ นี่แค่ตัวอย่างเดียว บางเคสที่หมกเม็ดเอาไว้ เรื่องก็มาแดงเอาตอนขอเป็นพลเมืองนี่แหละค่ะ ผลคือถูกปฏิเสธการเป็นพลเมือง และก็ถูกยกเลิกพีอาร์ บางเคสไม่ได้กระทบแค่ตัวเอง ลูกและคู่ครองก็พลอยโดนไปด้วย)

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com

ยื่นอุทธรณ์ AAT ไม่ทันเวลา

28/11/2018

 
UPDATE: 14 December 2018

จากที่คนเขียนโพสไปเมื่อวันที่ 28 November ว่า "ยื่นอุทธรณ์ AAT ไม่ทันเวลา อาจจะยังมีหวัง" (อ่านเนื้อหาเดิมได้ด้านล่าง)

.... ปรากฏว่าเป็นความหวังที่สั้นมากค่ะ .... เพราะ the Federal Court (Full Court) ได้มีคำตัดสินกลับไปเป็นแนวทางแบบเดิมๆที่เคยเป็นมา คือ.... ยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเวลา = No jurisdiction = AAT ไม่สามารถพิจารณาเคสได้

เราคงต้องมาดูกันต่อว่าจะมีการยื่นอุทธรณ์ไปถึง the High Court หรือไม่ และผลจะเป็นยังไง

ที่มา: Beni v Minister for Immigration and Border Protection [2018] FCAFC 228 (14 December 2018)


Original post: 28 November 2018

โพสนี้มาแบบสั้นๆ แต่สำคัญมากสำหรับอนาคตของใครหลายๆคน

ที่ผ่านๆมา หากมีการยื่นอุทธรณ์ที่ไป AAT เลยระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดไว้ AAT จะถือว่าหน่วยงานไม่มีอำนาจในการพิจารณาเคส (No jurisdiction)

เมื่อวันที่ 19 November 2018 the Federal Court (single judge) ได้มีคำตัดสินว่า AAT สามารถพิจารณาใบสมัครอุทธรณ์ที่ยื่นไม่ทันเวลา (Out of time) ได้  ซึ่งคาดว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้ใครหลายๆคนที่ยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเวลา ไม่ว่าจะสำหรับคนที่พลาดไปแล้ว (แต่เจ้าตัวยังอยู่ในประเทศออสเตรเลีย) หรือคนที่อาจจะพลาดยื่นไม่ทันเวลาในอนาคต

แต่คำตัดสินนี้ ไม่ได้แปลว่าทุกคนเรื่อยๆเฉื่อยๆได้นะคะ ระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ก็เป็นอะไรที่เราต้องใส่ใจและพยายามยื่นให้ทันเวลา เพราะคำตัดสินนี้ ไม่ได้แปลว่า AAT จะต้องรับพิจารณาทุกเคสที่ยื่นไม่ทันเวลา (ไม่อย่างงั้นก็คงไม่ต้องมีระยะเวลาเลย) แต่แปลว่า AAT มีสิทธิ์พิจารณาเป็นเคสๆไปว่าเคสมีที่มาที่ไปยังไง มีเหตุผลน่าเห็นใจตรงไหน ถึงได้ยื่นไม่ทันเวลา และถ้าเห็นดีเห็นงาม ก็สามารถที่จะรับเรื่องไว้ได้ (ในอดีตคือไม่ต้องคิด ไม่ต้องพิจารณา เพราะถือว่า No jurisdiction ยังไงก็ไม่รับเรื่อง)

สำหรับใครที่งงๆว่าคำตัดสินของเคสนึง มาเกี่ยวอะไรกับเคสอื่นๆด้วย .... กฏหมายของออสเตรเลีย นอกจากยึดถือตัวบทกฏหมายแล้ว ยังถือว่าคำตัดสินของศาลเป็นบรรทัดฐาน เป็นแนวทางเอามาปรับใช้กับเคสอื่นที่มีลักษณะคล้ายๆกันด้วยค่ะ

ป.ล. ณ วันนี้ เคสนี้ถือเป็นบรรทัดฐาน แนวทางใหม่สำหรับ AAT .... แต่อนาคตไม่แน่นอนค่ะ ถ้าอิมมิเกรชั่นอุทธรณ์คำตัดสินนี้ และศาลที่สูงกว่าตัดสินเป็นอื่น บรรทัดฐาน แนวทางก็เปลี่ยนอีก หรืออิมมิเกรชั่นอาจจะมีการแก้กฏหมาย เพื่อให้ AAT ไม่สามารถพิจารณาเคสยื่นไม่ทันเวลาได้ (อะไรก็เกิดขึ้นได้)

กฏหมายอิมมิเกรชั่นเปลี่ยนกันอยู่เรื่อยๆค่ะ ตราบใดที่ยังไม่ได้ PR หรือเป็น Australian citizen ก็คงต้องติดตามและอัพเดทกฏหมายกันนะคะ

ที่มา: Brown v Minister for Home Affairs (No.2) [2018] FCA 1787 (19 November 2018)

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

ค่ายื่นใบสมัครอุทธรณ์ Administrative Appeals Tribunal (AAT)

24/8/2018

 
วันนี้มาให้ข้อมูลสั้นๆเกี่ยวกับค่ายื่นใบสมัครอุทธรณ์ (Review application) ที่ชั้น AAT หรือชื่อเต็มๆว่า Administrative Appeals Tribunal

Migration review application เป็นการยื่นอุทธรณ์ในกรณีถูกปฏิเสธวีซ่า ถูกปฏิเสธ Nomination หรือ Sponsorship หรือการถูกยกเลิกวีซ่า เป็นต้น

  • ค่ายื่นอุทธรณ์คือ $1,764
  • ถ้าชนะที่ชั้นอุทธรณ์ได้ค่ายื่นคืน 50%
  • ใครชนะที่ชั้นอุทธรณ์แล้วไม่เห็นเงินนี้ภายใน 4 อาทิตย์ ก็ควรติดต่อ AAT, ทนายความ หรือเอเจนต์ที่ดูแลเคสของเราค่ะ
Refugee review application เป็นการยื่นอุทธรณ์เกี่ยวกับวีซ่าลี้ภัย

  • ตอนยื่นไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ถ้าแพ้ที่ชั้นอุทธรณ์ จะต้องชำระค่ายื่นให้ AAT $1,764
  • เบี้ยวไม่ชำระ ถือว่าติดหนี้รัฐ อาจจะมีผลกระทบกับวีซ่าตัวถัดไป
ป.ล. อาจจะไม่บ่อยเท่าค่ายื่นวีซ่า แต่ค่ายื่นอุทธรณ์ก็มีการขึ้นราคานะคะ

รายละเอียดอื่นเกี่ยวกับ AAT เขียนไว้ในโพสนี้ ซึ่งตอนที่เขียน ชื่อหน่วยงานคือ MRT (Migration Review Tribunal)


.... รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม .... มีประโยชน์โปรดแชร์ ....

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

Partner visa กับคนที่วีซ่าขาด

17/8/2017

 

มีน้องๆที่วีซ่าขาดติดต่อเข้ามาอยู่เรื่อยๆนะคะ หนู/ผมมีแฟนเป็นชาวออสเตรเลีย/เป็นพีอาร์ จะยื่นวีซ่าคู่ครองที่นี่ได้ไหม

คำตอบคือถ้าไม่มีเหตุผลน่าเห็นใจจริงๆ ยากค่ะ  แปลว่าถ้ามีเหตุผลที่หนักแน่นจริงและสามารถนำเสนอได้ พิสูจน์ได้  ก็ยังมีโอกาส (แต่ไม่ง่ายเหมือนเมื่อก่อน)

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ถ้าสามารถพิสูจน์ความสัมพันธ์ได้ถึงสองปี หรือมีลูกด้วยกัน หรือมีเหตุผลน่าเห็นใจพอสมควรก็โอเคแล้ว

แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ อิมมิเกรชั่นปรับเปลี่ยนนโยบายภายในใหม่ (ตัวบทกฏหมายยังคงเดิม) การพิจารณาก็จะเพ็งเล็งไปที่ทำไมผู้สมัครถึงไม่มีวีซ่า ทำไมเป็นผีมาหลายปี ได้พยายามติดต่ออิมมิเกรชั่นเพื่อแก้ไขสถานะของตัวเองหรือไม่ หรืออยู่เป็นผีไปเพื่อรอเวลายื่นวีซ่า

ในบางเคสถึงแม้จะมีเหตุผลน่าเห็นใจจริงๆ (เช่นมีลูกเล็กด้วยกัน สปอนเซอร์ป่วยไม่สบาย ต้องการคนดูแล) อิมมิเกรชั่นก็ยังไม่สนใจ ปฏิเสธแบบไม่เห็นใจใดๆทั้งสิ้น สนใจอย่างเดียวคือการมีประวัติการอยู่เป็นผีมาก่อนการยื่นวีซ่า

เพราะฉะนั้นใครที่ยังไม่เป็นผี ก็ไม่ต้องพยายามจะเป็นนะคะ (จริงๆแล้ว ไม่ต้องเคสผีหรอกค่ะ เคสถือ Bridging visa ก็ต้องพิสูจน์เหตุผลน่าเห็นใจด้วยเช่นกัน)

เคสผี และเคส ฺBridging visa ถ้าไม่มีเหตุผลที่น่าเห็นใจจริงๆ ก็ต้องแนะนำให้กลับไปยื่นแบบนอกประเทศ แปลว่าจะไปยื่นไปรอที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ในประเทศออสเตรเลีย แต่เพราะว่าระยะเวลาการรอก็ประมาณ 8-12 เดือน หรือนานกว่านั้นในบางเคส ส่วนใหญ่ก็จะกลับไปยื่นไปรอที่ประเทศบ้านเกิดของตัวเองกัน

ประวัติการอยู่เป็นผีมาก่อน เช่นการอยู่เลยกำหนดวีซ่า การเคยถูกปฏิเสธเพราะอิมมิเกรชั่นไม่เชื่อว่าตั้งใจจะเป็นนักเรียนจริง หรือการถูกยกเลิกวีซ่าเพราะทำผิดเงื่อนไขวีซ่า โดยทั่วไปแล้วไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับการยื่นวีซ่าคู่ครองแบบนอกประเทศ ถ้าหลักฐานความสัมพันธ์แน่น โอกาสผ่านก็สูงค่ะ การติดบาร์ 3 ปี จากการอยู่เลยกำหนดวีซ่าหรือการถูกยกเลิกวีซ่า ไม่ได้มีผลกับวีซ่าคู่ครองแบบนอกประเทศนะคะ

เคสที่น่ากังวัลคือเคสที่มีประเด็นอื่นพ่วงมาด้วย เช่น มีปัญหาสุขภาพ มีประวัติคดีอาญา เคยถูกปฏิเสธหรือถูกยกเลิกวีซ่าเพราะเคยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องในใบสมัครเก่า หรือเคยมีการปลอมแปลงเอกสาร  ประเด็นพวกนี้อาจจะมีผลกับการพิจารณา ซึ่งก็ต้องมาดูว่าควรจะเสี่ยงออกไปหรือไม่ เพราะออกไปแล้วอาจจะไม่ได้กลับเข้ามา

คนเขียนมีลูกความทั้งสองประเภทนะคะ ประเภทที่ต้องแนะนำให้ยื่นแบบนอกประเทศ เพราะไม่มีเหตุผลน่าเห็นใจอะไรที่เข้าข่ายให้ได้ลุ้นเลย

กับประเภทที่เข้าข่ายมีเหตุผลน่าเห็นใจที่อิมมิเกรชั่นอาจจะพิจารณาออกวีซ่าคู่ครองแบบในประเทศให้ ซึ่งเทรนปัจจุบันต้องบอกว่ายาก และอาจจะมีหวังที่ชั้นอุทธรณ์ซะมากกว่า  ลูกความกลุ่มนี้ก็ต้องยอมรับว่าค่าใช้จ่ายจะสูงเพราะมีแนวโน้มไปถึงชั้นอุทธรณ์ และก็ต้องยอมรับความไม่แน่นอน เพราะถ้าอุทธรณ์ไม่ผ่าน ก็ต้องเสียตังค์เสียเวลาต่อเพราะอาจจะต้องยื่นแบบนอกประเทศในที่สุด

คนเขียนมีเคสนึงที่เพิ่งชนะที่ชั้นอุทธรณ์เมื่อเร็วๆนี้ เคสนี้ถึงแม้จะมีเหตุผลที่น่าเห็นใจ คนเขียนก็ยังเสนอแนะให้ยื่นแบบนอกประเทศ เพราะห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายและความไม่แน่นอนว่าเคสจะไปจบตรงไหน ค่าใช้จ่ายจะปานปลายไปเท่าไหร่ ในขณะที่ถ้ายื่นแบบนอกประเทศ เคสนี้ไม่ควรจะติดปัญหาอะไรเลย แต่ลูกความก็ยืนยันจะยื่นที่นี่เพราะความรักและความต้องการที่จะดูแลกัน (บวกกับความกลัวว่าจะไม่ได้กลับมา ทั้งๆที่บอกแล้วว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้ายื่นนอกประเทศ)  ลูกความลุยคนเขียนก็ลุยค่ะ แล้วเราก็ถูกปฏิเสธที่ชั้นอิมมิเกรชั่น.... (แน่นอนว่าลูกความเศร้า แต่รับได้ เพราะทราบความเสี่ยงมาตั้งแต่ต้นแล้วก่อนตัดสินใจยื่นแบบในประเทศ) ....เราก็ลุยต่อ และเราก็ชนะที่ชั้นอุทธรณ์...... เย้

คนเขียนก็มาลุยมาลุ้นเคสอื่นที่รออุทธรณ์ต่อ...  ไม่ได้แปลว่าเคสที่ไปถึงอุทธรณ์แล้วจะต้องผ่านทุกเคสนะคะ ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างประกอบกัน ที่สำคัญมากคือลูกความต้องเต็มร้อยกับงาน

คนเขียนไม่โลกสวยนะคะ และแนะนำลูกความอย่างจริงใจตรงไปตรงมา ยากก็บอกว่ายาก ไม่น่าจะมีปัญหาก็บอกว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่ผ่านแน่ๆได้วีซ่าแน่ๆบอกไม่ได้ เพราะไม่ใช่คนตัดสินเคส .... แถมบางเคสก็งานงอกระหว่างทาง เช่นลืมแจ้งชื่อเดิม ลืมแจ้งว่ามีลูก ลืมว่าเคยมีคดี ลืมว่าเคยเปลี่ยนชื่อ ลืมแจ้งสถานะว่าเคยแต่งงาน (มีลืมว่าเคยแต่งงานมาก่อนด้วยนะ !!)

เขียนซะยาว หวังว่าข้อมูลจะเป็นประโยชน์นะคะ... คนเขียนไม่มีแพท์เทิร์น เขียนเมื่ออยากเขียน เขียนเมื่อมีเวลา ... ขอบคุณน้องๆที่โทรมาบอกว่ายังติดตาม.... จะพยายามเขียนถี่ขึ้น...

เดี๋ยวคราวหน้ามาต่อกันด้วย Protection visa วีซ่ายอดฮิตของคนบางกลุ่ม (จริงๆ ร่างไว้นานแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาขัดเกลา รอต่อไปอีกนิดนะคะ)


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

ถาม - ตอบ วีซ่านักเรียน

12/8/2015

 
คนเขียนขอให้ข้อมูลที่น้องๆวีซ่านักเรียนควรทราบ และคำถามที่ถูกถามอยู่บ่อยๆไว้ในโพสต์นี้นะคะ

จริงๆแล้วมีประเด็นเยอะแยะมากมายค่ะ รวมถึงประสบการณ์ที่ต้องให้คำแนะนำน้องๆหลายคนที่พลาดไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะทำไปเพราะไม่รู้ว่าผิดกฏ หรือรู้ทั้งรู้ว่าผิดกฏแต่ก็ยังทำ

คนเขียนตั้งใจจะทำโพสต์นี้ตั้งนานแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพและไม่ค่อยมีเวลา โพสต์นี้เลยเพิ่งเกิด ยังไงจะทยอยลงให้ในลักษณะ ถาม - ตอบ นะคะ

                                       ____________________________________________________    

Q1: อยากสอบถามเรื่องการทำงานเกินเวลาของนักเรียนที่ทำเกิน 20 ชั่วโมง ถ้าอิมเจอจะมีบทลงโทษยังไงบ้างคะ

เงื่อนไข 8105 ระบุให้นักเรียนทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อสองอาทิตย์ในช่วงเวลาที่มีการเรียนการสอนค่ะ คิดง่ายๆก็คือ 20 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ ถ้าถูกจับได้ว่าทำงานเกินเวลา อิมก็อาจจะยกเลิกวีซ่าของเราได้ค่ะ
 
                                       ____________________________________________________

Q2: ถ้าอิมจะมาจับที่ทำงานจะจับเฉพาะบุคคลที่โดนแจ้งไป หรือเหมารวมพนักงานคนอื่นๆในร้านที่ทำด้วยกันมั๊ยคะ

ไหนๆก็เสียเวลาและบุคลากรบุกมาถึงที่ทำงานทั้งที ส่วนใหญ่แล้วก็จะตรวจเช็คพนักงานคนอื่นด้วยค่ะ ว่ามีวีซ่าถูกต้องหรือไม่ ทำงานเกินเวลาหรือไม่ ถ้าเราถือวีซ่าถูกต้อง ทำงานไม่เกินเวลาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลค่ะ

                                        ____________________________________________________

Q3: ขอวีซ่าเพื่อเรียนปริญญาโทมาจากไทย แต่เรียนไม่ไหวต้องการเปลี่ยนไปเรียน Certificate III, IV หรือ Diploma แทน ได้มั๊ยคะ

วีซ่าสำหรับเรียนปริญญาโทเป็นวีซ่านักเรียน Subclass 573 แต่วีซ่าสำหรับเรียน Certificate III, IV หรือ Diploma เป็นวีซ่านักเรียน Subclass 572 ซึ่งเป็นวีซ่าคนละตัวกัน น้องจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่านักเรียนใหม่ให้ถูก Subclass นะคะ การเปลี่ยนคอร์สเรียนแต่ละครั้งจึงควรเช็คให้แน่ใจก่อนว่าเราสามารถทำได้อย่างถูกต้องตามกฏ ถ้าเปลี่ยนคอร์สเรียนในลักษณะนี้ โดยไม่ขอวีซ่าใหม่ให้ถูกต้อง ก็อาจจะทำให้อิมยกเลิกวีซ่าเราได้นะคะ ถ้าไม่ถูกอิมจับได้ก่อนวีซ่าหมดอายุ เมื่อมีการขอวีซ่านักเรียนครั้งต่อไป อิมก็อาจจะใช้เหตุผลนี้ในการปฏิเสธวีซ่าได้เช่นกันค่ะ

จริงๆแล้ว การเปลี่ยนคอร์สเรียน มีอยู่หลายสถานการณ์ด้วยกัน บางสถานการณ์ก็ไม่มีความจำเป็นต้องขอวีซ่าใหม่ คนเขียนขอแนบลิงค์จากอิมไว้ตรงนี้เลยนะคะ น้องๆจะได้อ่านและทำความเข้าใจว่าเราจำเป็นต้องขอวีซ่าตัวใหม่หรือไม่ หากต้องการเปลี่ยนคอร์สเรียน http://www.border.gov.au/Trav/Stud/More/Changing-courses

                                       _______________________________________________________

Q4: จริงๆมีเรียน 3 วันต่ออาทิตย์ แต่ไปเรียนแค่วันเดียว ที่เหลือทำงานเต็มเวลา จะมีปัญหามั๊ยคะ

คนเขียนมีลูกความติดต่อมาด้วยเหตุผลประมาณนี้หลายคนเลยค่ะ บางคนก็ถูกยกเลิกวีซ่าไปเรียบร้อยแล้ว บางคนก็อยู่ในระยะเวลา 28 วัน ที่อิมให้แจ้งเหตุผลของการขาดเรียน และเหตุผลว่าทำไมอิมถึงไม่ควรยกเลิกวีซ่า

สรุปว่ามีแนวโน้มสูงมากว่าวีซ่าจะมีปัญหาค่ะ และการช่วยเหลือในเคสแบบนี้ก็ไม่ง่ายเลยนะคะ ขอบอก

เรื่องทำงานเต็มเวลาในช่วงที่คอร์สมีการเรียนการสอน ช่วยย้อนกลับไปอ่าน Q1 & Q2 นะคะ

เรื่อง Attendance ถ้าไม่เจ็บป่วย หรือมีเหตุจำเป็นจริงๆ ไปเรียนเถอะค่ะ

ถ้าเจ็บป่วย ก็ให้คุณหมอออก Medical Certificate ให้และเอาไปยื่นให้ทางโรงเรียนไว้เป็นหลักฐานในการขาดเรียนจะได้ไม่เกิดปัญหาภายหลัง คนเขียนแนะนำให้เก็บก๊อปปี้ Medical Certificate ไว้ด้วย เผื่อจำเป็นต้องใช้ในการพิสูจน์กันภายหลัง ถ้ามีเหตุจำเป็นที่จะต้องขาดเรียนด้วยเหตุผลอื่่นก็ควรจะติดต่อและตกลงกับทางโรงเรียนให้เรียบร้อยก่อนขาดเรียน คนเขียนแนะนำให้มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษรด้วยเช่นกันค่ะ

ถ้า Attendance ไม่ครบตามกำหนดโดยไม่มีเหตุผลที่อิมรับได้ อิมก็อาจจะยกเลิกวีซ่าได้นะคะ การยกเลิกในกรณีประมาณนี้ ส่วนใหญ่จะมีโบนัสพ่วงมาด้วย คือถูก Ban 3 ปีด้วย

ทางที่ดีที่สุดก็คือปฏิบัติตัวเป็นนักเรียนที่ดี ทำให้ถูกกฏมาตั้งแต่ต้น นึกถึงคนที่เค้าส่งเรามาเรียน และเงินทองที่เสียไปให้มากๆ และถ้าคิดว่าคนอื่นยังทำได้เลยไม่เห็นมีปัญหา คนเขียนอยากบอกว่าดวงใครดวงมันนะคะ และคนที่เค้ายังไม่มีปัญหาตอนนี้ ก็ไม่ได้มีหลักประกันว่าเค้าจะไม่มีปัญหาในอนาคต

น้องๆเมื่อได้วีซ่านักเรียนมาแล้ว อย่าดีใจจนลืมอ่านเงื่อนไขวีซ่า (Visa Conditions) ที่ระบุอยู่ในจดหมายแจ้งด้วยนะคะ ทำความเข้าใจเงื่อนไขแต่ละตัวอย่างละเอียด ถ้าไม่เข้าใจก็ควรสอบถามจากเอเจนต์ของเรา ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าเอเจนต์แนะนำได้ถูกต้องหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่นอ่านเองเข้าใจได้แบบนึง เอเจนต์บอกมาอีกแบบนึง ในกรณีนี้คนเขียนแนะนำให้โทรหาสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย หรือ โทรหาอิมเลยค่ะ ที่ 131 881 (อย่าลืมว่าถ้าวีซ่าของน้องถูกยกเลิก เอเจนต์เค้าไม่ได้ต้องแพ็คกระเป๋ากลับบ้านเหมือนเรานะคะ)

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com

ว่าด้วยเรื่อง MRT - Migration Review tribunal

17/4/2015

 
เกริ่นไว้ตั้งแต่สิงหาปีที่แล้วว่าจะแชร์ข้อคิดและประสบการณ์เกี่ยวกับการอุทธรณ์ไปที่ MRT ...ถ้าใครตั้งใจรอนี่คงแก่ไปเลยเนอะ ต้องขอโทษด้วยนะคะงานยุ่งมากค่ะ

MRT คืออะไร ชื่อเต็มๆก็ตามหัวเรื่องเลยค่ะ Migration Review Tribunal
ถ้าตามภาษาของนักแปลนี่เรียกยากและยาวมาก จะมีคำว่า 'ทวิภาคี' อะไรซักอย่างอยู่ด้วย ถ้าคุณนักแปลมาอ่านเจอเข้าก็แจ้งชื่อเต็มๆเข้ามาได้นะคะ

คนเขียนก็ไม่ใช่นักแปลและบอกตรงๆว่าจำไม่ได้จริงๆว่าเค้าเรียกกันเต็มๆว่ายังไง เอาภาษาชาวบ้านและคำอธิบายแบบยาวๆไปแล้วกันนะคะ จะได้เห็นภาพ

MRT คือหน่วยงานรับอุทธรณ์สำหรับคนที่ถูกปฏิเสธหรือยกเลิกวีซ่าโดยอิมมิเกรชั่น ลักษณะก็จะคล้ายๆศาลเล็กๆ แต่ก็ไม่ใช่ศาล และไม่มีพิธีรีตรองมากเท่าศาล คนที่มีหน้าที่ตัดสินเคส ภาษาอังกฤษเรียกว่า Tribunal Member ก็มีหน้าที่พิจารณาเอกสาร สืบพยานบุคคล ไต่ถาม ซักถามคำถามมากมาย เพื่อพิจารณาว่าจะตัดสินยืนตามอิมมิเกรชั่นดี หรือจะมีคำสั่งให้อิมมิเกรชั่นเอาเคสกลับไปพิจารณาใหม่

        ป.ล.1.     เราจะไม่คุยกันเรื่อง RRT หรือ Refugee Review Tribunal นะคะ เพราะเป็นหน่วยรับอุทธรณ์ของ                            Protection/Humanitarian visa ซึ่งไม่ค่อยเกี่ยวกับคนไทยซักเท่าไหร่

กลับมาเรื่อง MRT กันต่อ

ไม่ใช่ว่าทุกเคสที่ถูกปฏิเสธหรือยกเลิกวีซ่า จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ไปที่ MRT นะคะ และสำหรับเคสที่มีสิทธิ ก็ไม่ได้หมายความว่าควรจะยื่นอุทธรณ์เสมอไป กลับมาที่ประโยคเดิมๆ คือเราต้องพิจารณาสถานการณ์เฉพาะตัวของเคสนั้นๆ ว่าควรจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ถ้าตัดสินใจได้แล้วว่าควรยื่น ก็ต้องยื่นอุทธรณ์ภายในระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดไว้ ซึ่งก็คือภายใน 21 วัน (หรือ 70 วัน ในกรณีที่ผู้สมัครอยู่นอกประเทศออสเตรเลีย) นับจากวันที่ถือว่าได้รับแจ้งว่าถูกปฏิเสธวีซ่า หรือ ภายใน 7 วัน นับจากวันที่ถือว่าได้รับแจ้งว่าถูกยกเลิกวีซ่า

        ป.ล.2      ถูกปฏิเสธวีซ่า กับถูกยกเลิกวีซ่าไม่เหมือนกันนะคะ ตามนี้ค่ะ

        ป.ล.3 
    นับจากวันที่ถือว่าได้รับแจ้งว่า ถูกปฏิเสธวีซ่า หรือถูกยกเลิกวีซ่า ไม่ได้แปลว่าจะนับจากวันที่(จริงๆ)                         ที่เราได้รับรู้หรือได้รับแจ้งข้อมูลเสมอไปนะคะ การนับวันขึ้นอยู่กับวิธีการแจ้งของอิมว่าแจ้งทาง
                        อีเมล์หรือทางไปรษณีย์ (หรือ by hand, by fax) ในหนังสือแจ้ง (notification letter) จะระบุวิธีการ                         นับวันไว้ให้ค่ะ  นับดีๆ อย่าให้พลาดนะคะ การยื่นเลยกำหนดแม้เพียง 1 วัน ก็อาจจะมีผลโดย                                    กฏหมายทำให้ MRT ไม่สามารถพิจารณาเคสของเราได้ ภาษากฏหมายเรียกว่า "no jurisdiction"                         หรือการไม่มีอำนาจในการพิจารณา

จำเป็นต้องใช้บริการจาก Registered Migration Agent หรือ Immigration Lawyer ในการดำเนินเรื่องที่ MRT หรือไม่

คำตอบคือไม่จำเป็นค่ะ - ถ้าเรารู้ว่าเราถูกปฏิเสธหรือถูกยกเลิกวีซ่าเพราะอะไร และทราบว่าจะตอบคำถามยังไง หรือยื่นเอกสารอะไรในชั้นอุทธรณ์เพื่อที่จะได้มีโอกาสในการได้วีซ่าคืนมาให้มากที่สุด  ซึ่งต้องบอกว่าไม่ง่าย เพราะถ้าง่าย คนเขียนและ Professional(s) คนอื่นๆคงตกงานกันไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจำเป็นต้องมีคนช่วยในการทำอุทธรณ์ สรุปว่า Solo ได้ค่ะ  

เกิดอะไรขึ้นในวันพิจารณาเคส (MRT hearing)

ผู้ยื่นอุทธรณ์และพยาน (ถ้ามี) ก็จะถูกซักถามโดย Tribunal Member (คนที่มีหน้าพิจารณาและตัดสินเคส) ถ้าภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง อย่าลืมขอใช้บริการล่ามไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ โดยทาง MRT จะเป็นคนจัดหาล่ามให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มค่ะ 
และ MRT ก็จะไม่ใช้ล่ามที่หามาเอง หรือทนายหรือเอเจนต์หามาให้ด้วย (ขอบอก) เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าจะเอาเพื่อนมาเป็นล่าม เผื่อช่วยเราได้ก็ลืมความคิดนี้ไปได้เลย และสำหรับใครที่ถูกทนายความ หรือเอเจนต์เรียกเก็บค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนค่าบริการของล่ามสำหรับ MRT  hearing .... คิดเอาเองนะคะ ว่าควรจะทำยังไงดี

ปัญหาที่พบบ่อย ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการพิจารณาคือ การตอบไม่ตรงคำถาม หรือตอบตรงคำถามแต่ไม่คลอบคลุม ข้อมูลบางอย่าง Tribunal Member อาจจะไม่ได้ถาม แต่ถ้าเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์และสามารถช่วยเคสเราได้ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องเอ่ยถึงในช่วงเวลาที่เหมาะสม หรือยื่นเอกสารเพิ่มเติม ปัญหาของคนที่ทำเคสเองก็คือไปไม่ถึงจุดที่ว่านี่ คือมองไม่เห็นข้อมูลหรือเอกสารที่อาจจะช่วยเคสของเราได้ เพราะส่วนใหญ่แล้วเป็นข้อมูลที่ต้องนำข้อกฏหมายและนโยบายมาประกอบการพิจารณา รวมถึงการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกเพื่อหาข้อมูลที่ว่านี่ ถ้ามีหรือหาเจอ ก็ต้องมาพิจารณาว่าสมควรจะดึงข้อมูลที่ว่านี่ออกมาให้ใช้หรือไม่ หรือรูปคดีอาจจะเปลี่ยนไปเมื่อเจอข้อมูลที่ว่านี่ (คิดไม่ออกว่าจะยกตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมยังไงดีโดยที่ไม่ต้องเท้าความกันแบบยาวๆ ขอติดไว้ก่อน)


ผลการพิจารณาของ MRT

ถ้า MRT ไม่เห็นตามคำวินิจฉัยของอิม (ภาษาชาวบ้าน คือเราชนะคดี) โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะมีคำสั่งให้อิมเอาเคส
กลับไปพิจารณาใหม่ตามแนวทางที่ MRT ระบุไว้ ในบางเคสก็อาจจะมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย โดยไม่ต้องมีการพิจารณาใหม่โดยอิมมิเกรชั่น

ถ้า MRT ยืนตามคำวินิจฉัยของอิม (เราแพ้คดีนั่นเอง) เราก็มีเวลา 28 วันที่จะแพ๊คกระเป๋ากลับบ้าน ยกเว้นแต่ว่าเรายังถือวีซ่าอื่น หรือมีทางเลือกอื่นที่ทำให้เราสามารถอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฏหมาย


วิชาการไปมั๊ยเนี่ยะ??? 

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com

เมื่อวีซ่านักเรียนถูก Cancelled - student visa cancellation

8/3/2014

 
คงไม่มีใครอยากถูกยกเลิกวีซ่าหรอกนะคะ ทางที่ดีที่สุดคือตั้งใจเรียน ทำattendance ให้ครบตามจำนวนที่กำหนด สอบให้ผ่าน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหา -- สรุปว่าปฏิบัติตามกฏ กติกา แล้วชีวีตจะปลอดภัย และอยู่ในออสเตรเลียได้อย่างมีความสุข

ในกรณีที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว วีซ่านักเรียนได้ถูกยกเลิกไปเรียบร้อย ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพยายามแก้ปัญหากันไป คนเขียนมีอดีตนักเรียนหลายคนที่ติดต่อเข้ามาเพราะวีซ่านักเรียนถูกยกเลิก บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่แบบไม่มีวีซ่ามาเป็นปี ที่ติดต่อคนเขียนก็เพราะต้องการทำวีซ่าตัวอื่นเช่น วีซ่าคู่ครอง หรือวีซ่า 457 และก็ได้รู้ตอนที่เข้ามาคุยกับคนเขียนนั่นเองว่าตัวเองเป็นผี (แบบไม่รู้ตัวว่าเป็นผี) มานานมาก โชคดีที่ไม่ถูกจับ ส่งตัวกลับเมืองไทย

กรณีที่เห็นบ่อยก็เช่น เปลี่ยนที่อยู่ และ/หรือ อีเมล์ แต่ไม่ได้แจ้งให้ทางโรงเรียนและอิมทราบ ผลก็คือไม่ได้รับจดหมาย หรือ Notification ที่ทางโรงเรียน หรืออิมส่งมา และวีซ่าก็ถูกยกเลิกในที่สุด  ในกรณีที่ถือวีซ่าติดตามแฟน หากวีซ่าหลักถูกยกเลิก วีซ่าของคนที่ติดตามก็จะถูกยกเลิกตามไปด้วย

สำหรับอดีตนักเรียนหมาดๆ ที่วีซ่าเพิ่งจะถูกยกเลิกไป เราต้องคิดเร็ว และทำเร็วค่ะ เพราะต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ถือว่าได้รับ Notification ตามกฏหมาย
   
คนเขียนเสียดายแทนน้องหลายๆคน ที่ปล่อยให้ตัวเองพลาดอุทธรณ์ -- ในหลายๆเคส แม้เจ้าตัวจะคิดว่าไม่มีหวัง เมื่อเข้ามาคุยกัน ให้คนเขียนสัมภาษณ์แบบเจาะลึก บางเคสต้องบอกว่ามีโอกาสมากที่จะได้วีซ่าคืน เพราะฉะนั้นอย่าเสียโอกาสค่ะ  บางเคสก็เป็นเพียงแค่การชลอเวลากลับเมืองไทย สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ อย่าเพิ่งถอดใจค่ะ และควรขอคำแนะนำจาก Professional โดยเร็วที่สุด

มีน้องบางคนบอกว่าไปปรึกษา Migration Agent แล้ว แต่ Agent บอกว่าเคสไม่มีหวัง เลยไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ คนเขียนอยากจะเปรียบเทียบการใช้บริการด้านนี้กับการไปหาหมอ อะไรที่สำคัญกับชีวิตและอนาคต ก็ควรมี Second opinion หรือ Third opinion เพราะหมอแต่ละคนก็มีความเห็น มุมมอง และวิธีการรักษาแตกต่างกันไป ไม่ต่างจาก Immigration Lawyer หรือ Migration Agent หรอกค่ะ  คนที่บอกว่าหมดหวัง เค้าอาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ จะด้วยประสบการณ์ที่แตกต่าง มุมมองเฉพาะตัว หรืออาจจะไม่ได้สัมภาษณ์กันแบบเจาะลึก หลายๆครั้งเมื่อลงลึกในแต่ละเคส จากที่เหมือนจะไม่มีทางออกและหมดหวัง กลับกลายเป็นพอมีความหวัง แน่นอนว่าคงไม่มี Professional คนไหนรับประกันได้ว่าน้องจะได้วีซ่าคืนแน่ๆ แต่เมื่อมีความหวัง และยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ก็ต้องลุยไปข้างหน้า - ยื่นอุทธรณ์ (หรือไม่ก็แพ็คกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน) 

Visa Cancellation ในความเห็นของคนเขียนถือเป็น Complex case คือเคสที่มีความซับซ้อน เนื่องจากว่าเมื่อวีซ่าถูกยกเลิกแล้ว ผลกระทบที่ตามมาก็คือ Section 48 Bar (คืออะไร?? อ่านได้ ที่นี่ ค่ะ) ยังไม่หมดค่ะ ยังถูก Bar ไม่ให้สมัครวีซ่าอีกหลายๆชนิด (รวมถึงวีซ่า 457) ในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วีซ่าถูกยกเลิกด้วย ไม่ว่าจะยื่นใน หรือนอกประเทศออสเตรเลีย ในบางเคสก็อาจจะถูก Bar ด้วยกฏตัวอื่นๆเพิ่มขึ้นมาอีก

เห็นมั๊ยคะว่าเคสวีซ่า Cancellation นั้นไม่ง่ายเลย ยื่นอุทธรณ์ไปแล้วก็ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย แต่ควรมีการวางแผนการใช้ชีวิตระหว่างรอ เพื่อที่จะทำให้เคสของเรามีความหวังมากที่สุด และมองหา Backup plan แต่ละเคส Backup plan ไม่เหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะตัวของเคสนั้นๆ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

จะยื่นวีซ่า จำเป็นต้องใช้ Migration Agent หรือไม่

10/10/2013

 
คำตอบคงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนตอบแต่ถ้าถามคนเขียน แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็นว่า "ควรจะ" หรือในบางกรณี "ต้องใช้" ถ้าไม่อยากเสียเงิน เสียเวลา เสียประวัติ และในบางเคสเสียอนาคตที่จะได้อยู่ในประเทศนี้

การที่เรายื่นขอวีซ่าแล้วจะได้หรือไม่ได้วีซ่านั้น อิมพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของ:-
    1.  ตัวบทกฏหมายคนเข้าเมือง และ
    2.  นโยบายของรัฐบาลในช่วงเวลานั้นๆ 
อย่างที่เคยกล่าวมาแล้ว บางครั้งเรายื่นเอกสารตาม checklist ที่หาได้จากเวปของอิม ไม่เพียงพอ และมีหลายเคสที่ถูกปฏิเสธทั้งที่ยื่นเอกสารทุกอย่างที่อิมต้องการ  เหตุผลส่วนใหญ่ของการถูกปฏิเสธก็เพราะเอกสารที่ยื่นไปไม่มีคุณภาพ

ในความเห็นของคนเขียนนะคะ คนที่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้บริการของ Registered Migration Agent (RMA) หรือ Immigration Lawyer ก็คือคนที่ยื่นวีซ่าที่ไม่มีความซับซ้อนมาก เช่นวีซ่าท่องเที่ยว, อ่านข้อมูลจากอิมแล้วเข้าใจ, และไม่ได้มีประวัติทางอิมมิเกรชั่นที่ซับซ้อน เช่นไม่เคยถูกปฏิเสธ หรือยกเลิกวีซ่า, ไม่เป็นผี, วีซ่าตัวปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้ยากต่อการยื่น

คนที่ "ควรจะ" หรือ "ต้องใช้" บริการของ Professional ก็คือคนที่ยื่นวีซ่าที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีข้อกำหนดมากมาย เช่น 457, ENS, RSMS, Partner visa และคนที่มีประวัติทางอิมมิเกรชั่นที่ยุ่งเหยิง ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะรู้ดีว่าประวัติตัวเองมีความเสี่ยงหรือไม่

ยกตัวอย่าง Partner visa

หลายคนอาจจะเถียงอยู่ในใจว่า Partner visa ง่ายนิดเดียวทำเองก็ได้  สำหรับคนเขียนคิดว่าจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับเคสแต่ละเคส  คนที่ทำเองและได้วีซ่ามาแล้ว ก็ต้องว่าง่ายล่ะ  คนที่ทำเองแล้วถูกปฏิเสธมา ก็มานั่งเสียใจว่า รู้อย่างงี้ใช้บริการ Professional ตั้งแต่แรกดีกว่า

คนเขียนมีคนที่ถูกปฏิเสธ Partner visa ติดต่อเข้ามามากมาย บางคนก็ใช้บริการ Agent ที่ไม่ใส่ใจ ไม่ตาม และสะเพร่าในการทำงาน บางคนก็อ่านเอง ทำเอง, ทำตามเพื่อนบอก, แฟนออสซี่ยืนยันว่าเค้าทำได้ สารพัดเหตุผล ......ปัญหาก็คือ เมื่อมาถึงจุดที่ถูกปฏิเสธวีซ่า บางเคสก็โชคดีพอมีทางแก้ไข แต่เสียตังค์เพิ่ม และแน่นอนเสียเวลา ..... บางเคสก็ไม่มีทางแก้ นอกจากจะต้องออกจากประเทศออสเตรเลีย

เมื่อเร็วๆนี้คนเขียนได้ให้คำปรึกษากับลูกความชาวเม็กซิกัน ซึ่งมาหาคนเขียนหลังจากที่ได้ยื่น Partner visa เข้าไปเอง รอมาปีกว่า ก็ได้รับจดหมายจากอิมขอเอกสารเพิ่มเติม เจ้าตัวเริ่มกังวลว่าควรยื่นเอกสารอะไรบ้าง เพื่อที่วีซ่าจะได้ผ่านแน่ๆ  หลังจากคนเขียนได้อ่านจดหมายจากอิม และซักถามประวัติอยู่ชั่วโมงกว่า ก็สรุปได้ว่า....ไม่ว่ายื่นเอกสารอะไรเข้าไปเคสนี้ก็ไม่ผ่าน (ถ้าผ่านก็ฟลุกล่ะ)  ลูกความร้องไห้ พร้อมบอกคนเขียนว่าก่อนยื่นก็ไปหา Agent มา Agent บอกว่าไม่มีปัญหายื่นได้ เจ้าตัวก็เลยยื่นเอง คนเขียนก็ตอบไม่ได้ (เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) ว่า Agent คนนั้นไม่ดูเคสให้ละเอียด หรือไม่เชี่ยวชาญพอเลยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือให้ข้อมูลถูกต้อง แต่ลูกความต้องการประหยัดเลยทำไปตามมีตามเกิด (และตามความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง)  ผลสุดท้ายเคสนี้แทนที่จะเป็นการประหยัดตังค์ กลายเป็นเคสที่ทั้งแพง เพราะจะต้องเสียตังค์ซ้ำซ้อน และเสียเวลาไปอีกอย่างน้อยๆ 2-3 ปี .....  ณ จุดนี้จะไม่ให้ Professional ทำก็ไม่ได้แล้ว เพราะกลายเป็น Complex case ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายสูงไปตามความยากของงาน ..... ถามว่าคุ้มกันไหม กับเวลาที่เสียไป

นอกจากปัญหาวุ่นวายนี้แล้ว ตลอดเวลาปีว่าที่รอเรื่องมา ลูกความท่านนี้ถือ Bridging visa ที่ไม่สามารถทำงานได้ ด้วยความไม่รู้ และไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ก็ทำงานหลบๆซ่อนๆ เสี่ยงต่อการถูกจับมาปีกว่า ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย เพราะลูกความท่านนี้จริงๆแล้วสามารถที่จะขอเปลี่ยนเงื่อนไขให้ทำงานได้

บางครั้งความไม่รู้ ทำให้เราพลาดสิ่งที่ไม่ควรจะพลาด เสียโอกาสที่ไม่ควรจะเสีย

คนเขียนไม่ได้บอกว่าทุกคนจำเป็นต้องใช้บริการของ Registered Migration Agent หรือ Immigration Lawyer นะคะ  แต่ละคนก็ต้องใช้วิจารณญานของตัวเอง ว่าเคสของเราจำเป็นต้องใช้บริการของ Professional หรือไม่  เราเข้าใจข้อกฏหมายและนโยบายที่อิมจะเอามาปรับใช้แค่ไหน และยอมรับความเสี่ยงที่จะทำเองและอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้หรือไม่

คนเขียนแค่รู้สึกเสียดายโอกาสของหลายๆคน ที่ถ้าทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็คงไม่มาอยู่ที่จุดนี้ที่ต้องเสียตังค์ซ้ำซ้อน และชีวิตก็จะยังไม่แน่นอนไปอีกหลายปี

สำหรับคนที่เดินผิดพลาด เอาใจช่วยค่ะ
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำเองดีหรือไม่ คิดให้ถี่ถ้วน อ่านแล้วอ่านอีก ถ้ามั่นใจ ลุยเลยค่ะ แต่อย่าทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ถ้าจะทำเองทำให้ดีที่สุด จะได้ไม่มาเสียใจทีหลัง ถ้าไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง ใช้บริการ Professional ค่ะ มีมากมายทั้งคนไทย และชาติอื่น รวมถึงออสซี่ด้วย

Blog ถัดไป .... วิธีเลือก Registered Migration Agent / Immigration Lawyer ....

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

Section 48 Bar คืออะไร

31/7/2013

 
คนเขียนกำลังมองหาทางออกให้น้องคนนึง ซึ่งอยู่เป็นผีมาหลายปี ซึ่งต้องลงไปดูหลายข้อกฏหมาย เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ post เรื่อง Section 48 bar ที่สัญญาไว้เมื่อวันที่ 19/07/13

แล้วตกลง Section 48 Bar มันคืออะไร และสำคัญอย่างไร

Section 48 หรือมาตรา 48 ของกฏหมายคนเข้าเมือง เขียนไว้ว่า
คนที่ไม่ได้ถือ Substantive visa (ซึ่งก็คือวีซ่าทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ Bridging visa) และนับจากที่เข้ามาในประเทศออสเตรเลียครั้งล่าสุด หากได้ถูกปฏิเสธ หรือยกเลิกวีซ่า คนเหล่านี้ไม่สามารถต่อวีซ่าในประเทศออสเตรเลียได้ ยกเว้นวีซ่าบางประเภทเท่านั้น

ป.ล. ถูกปฏิเสธ กับถูกยกเลิกวีซ่า ความหมายต่างกันนะคะ อ่านได้ที่ post แรก 14/06/13 ค่ะ

ในความเห็นคนเขียนนะคะ การปล่อยให้วีซ่าถูกปฏิเสธ หรือถูกยกเลิก โดยที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วน หรือพยายามหาทางออกอื่น (ถ้ามี) ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยค่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวอาจจะได้รับผลกระทบของมาตรา 48 ไม่สามารถยื่นวีซ่าในประเทศออสเตรเลียได้

ก็ยื่นนอกประเทศสิ ไม่เห็นมีปัญหา???

อาจจะมี หรือไม่มีปัญหา ตอบไม่ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความอยากที่จะกลับเข้ามาอยู่ในประเทศออสเตรเลีย  ปัญหาที่เห็นคือ
1.     วีซ่าบางประเภทหากยื่นนอกประเทศแล้วไม่ผ่าน ผู้ยื่นไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ยกเว้นว่าจะมีความผิดพลาดทางข้อกฏหมายเกิดขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูง  ในขณะที่วีซ่าประเภทเดียวกัน หากยื่นในประเทศออสเตรเลีย แล้วถูกปฏิเสธจะมีสิทธิอุทธรณ์ (แต่ถ้าถูก Section 48 Bar ซะแล้ว ก็ไม่สามารถยื่นได้  ถูกมั๊ยคะ)
2.     วีซ่าบางประเภทแม้จะยื่นนอกประเทศ แล้วไม่ผ่านก็มีสิทธิอุทธรณ์ แต่การอุทธรณ์ส่วนใหญ่ใช้เวลานานค่ะ 12-15 เดือน ซึ่งผู้อุทธรณ์ส่วนใหญ่ก็จะไม่สามารถขอวีซ่ากลับเข้ามาในประเทศออสเตรเลียได้ในระหว่างอุทธรณ์

เพราะฉนั้น หากท่านใดอยู่ในระหว่างอิมพิจารณาเคส และก่ำกึ่ง ว่าจะติด Section 48 Bar ซึ่งที่ทำได้คือ ขอรับคำแนะนำที่ถูกต้องแต่เนิ่นๆค่ะ เพื่อจะได้มีเวลาวางแผนงาน โดยเฉพาะคนที่อยากเป็น PR บางครั้้งเราต้องมองยาว และวางแผนไกลๆค่ะ บางเคสอาจจะไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องติด Section 48 Bar ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ต้องมาแก้ปัญหากันไปหลังติดมาตรา 48 จะมีทางออกยังไง อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รายบุคคลนะคะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

Visa Refusal กับ Visa Cancellation ต่างกันอย่างไร

14/6/2013

 
คำถามนี้จะถูกถามบ่อยมาก และหลายครั้งเวลาลูกความเล่าเคสของตัวเองให้ฟัง ก็จะใช้ 2 คำนี้ สลับกันไปมาคิดว่ามีความหมายเหมือนกัน ซึ่งจริงๆแล้วต้องบอกว่า 2 คำนี้ มีความหมายต่างกันมากค่ะ

Visa Refusal หรือการถูกปฏิเสธวีซ่านั้น คือการที่เรายื่นใบสมัครวีซ่าเข้าไปที่อิม แล้วอิมไม่ให้วีซ่าเรา หรือที่เราเรียกกันว่าวีซ่าไม่ผ่านนั่นเอง

Visa Cancellation หรือการถูกยกเลิกวีซ่านั้น จะเกิดขึ้นในกรณีที่เราถือวีซ่าอยู่แล้ว จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เช่นทำงานเกินชั่วโมง แล้วถูกจับได้, ผลการเรียนไม่ดีติดต่อกันมาหลายเทอม, Attendance ไม่ถึง หรือ ยื่นเอกสารปลอม จนเป็นเหตุให้อิมยกเลิกวีซ่าตัวที่เราถืออยู่

คนที่ถูก Visa Refusal หรือ Visa Cancellation จะมีสิทธิยื่นอุทธรณ์หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆอย่างค่ะ เช่นตัววีซ่าเจ้าปัญหาเอง ตอนยื่นๆในหรือนอกออสเตรเลีย และเวลาที่ถูกปฏิเสธ หรือยกเลิกวีซ่านั้น เจ้าตัวอยู่ในหรือนอกประเทศออสเตรเลีย  ถ้าวางแผนการอุทธรณ์ให้ดี โอกาสที่จะได้วีซ่ากลับคืนมาก็มีสูงนะคะ

มีน้องหลายคนเมื่อถูกยกเลิกวีซ่า ได้ยื่นอุทธรณ์ ระหว่างรอเรื่องก็ยังคงไปทำงานตามปกติ เนื่องจากไม่เข้าใจว่าผลของวีซ่าถูกยกเลิกคืออะไร

ผลของ Visa Cancellation

เมื่อ วีซ่าถูกยกเลิก ถ้าไม่ได้ถือ Substantive วีซ่าตัวอื่นอยู่ (Substantive วีซ่า = วีซ่าที่ไม่ใช่ Bridging visa นะคะ) ตามกฏหมายเจ้าตัวก็ถือว่าไม่ได้ถือวีซ่าอะไรเลย (แม้ว่าจะได้ยื่นอุทธรณ์ไปนะคะ) หรือ ที่เราเรียกว่าเป็นผีนั่นเอง ที่สำคัญคือผีไม่มีใบอนุญาติให้ทำงานค่ะ หากถูกจับได้จะมีความผิดทั้งนายจ้างและลูกจ้างนะคะ ถ้าถูกยกเลิกวีซ่า ควรติดต่อ Immigration Lawyer หรือ Registered Migration Agent เพื่อรับคำแนะนำ และการวางแผนที่ถูกต้องนะคะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

    Author


    พี่เก๋ - กนกวรรณ ศุโภทยาน เป็นทนายความไทย และทนายความของประเทศออสเตรเลีย (Immigration Lawyer)

    มีประสบการณ์เป็นทนายความเฉพาะทาง ด้าน IMMIGRATION ของประเทศออสเตรเลีย รับวางแผนการขอวีซ่า ยื่นใบสมัครขอวีซ่าทุกประเภท ช่วยเหลือในชั้นอุทธรณ์ที่ Administrative Appeals Tribunal และในชั้นศาลค่ะ

    ต้องการคำแนะนำ หรือความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่ Immigration Success Australia
    mb: 0428 191 889 หรือ www.immigrationsuccessaustralia.com

    Archives

    December 2023
    November 2023
    October 2023
    July 2023
    September 2022
    July 2022
    January 2022
    December 2021
    November 2021
    October 2021
    September 2021
    July 2021
    June 2021
    March 2021
    February 2021
    January 2021
    December 2020
    November 2020
    October 2020
    September 2020
    July 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    February 2020
    March 2019
    January 2019
    November 2018
    October 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    April 2018
    October 2017
    September 2017
    August 2017
    May 2017
    April 2017
    August 2015
    April 2015
    December 2014
    September 2014
    August 2014
    June 2014
    March 2014
    January 2014
    October 2013
    September 2013
    July 2013
    June 2013

    Categories

    All
    วีซ่า
    อุทธรณ์
    วีซ่าคู่ครอง
    101
    102
    103
    143
    173
    186
    187
    190
    300
    309
    4020
    408
    417
    445
    457
    462
    476
    482
    485
    489
    491
    494
    500
    870
    AAT
    Accountant
    Administrative Appeals Tribunal
    Adoption Visa
    Agriculture Visa
    Approved Nomination
    Australia
    Australian
    Australian Citizenship
    Australian Immigration
    Bar
    Bricklayer
    Bridging Visa
    Bridging Visa A
    Bridging Visa E
    BVA
    BVE
    Changes To Immigration Law
    Changing Courses
    Chef
    Child Visa
    Consolidated Sponsored Occupations List
    COVID 19
    COVID-19
    CSOL
    Decision Ready
    Decision-ready
    Decision Ready Application
    Decision-ready Application
    De Facto Relationship
    Employer Sponsored
    English Exemption
    ENS
    Exercise Physiologist
    Family
    Family Violence
    Federal Circuit Court
    Graduate Work
    GTE
    Hydrogeologist
    Ielts
    Immigration
    Immigration Lawyer
    Judicial Review
    Jurisdictional Error
    Migration Agent
    Migration Review Tribunal
    MRT
    Nomination
    Orphan Relative Visa
    Overstay
    Parent
    Partner Visa
    PIC 4020
    Post Study Work
    Processing Period
    Protection Visa
    Public Interest Criteria
    Public Interest Criterion
    Regional Australia
    Regional Visas
    Registered Migration Agent
    Rma
    RSMS
    Section 48
    Section 48 Bar
    Self Sponsorship
    Skilled Migration
    Skilled Occupations List
    Skilled Work Regional
    Skills Assessment
    SOL
    Sponsor
    Sponsorship
    Student Visa
    Substantive Visa
    Training
    Travel Exemption
    Tsmit
    Unlawful
    Visa Cancellation
    Visa Refusal
    Wall And Floor Tiler
    Working And Holiday Visa

    RSS Feed

Powered by Create your own unique website with customizable templates.