visa blog : สำหรับคนไทยค่ะ
  • Home
  • Blog

HOT NEWS ข่าวดีของคนติด Section 48 bar

30/10/2021

 
Hot news ..... ใครติด Section 48 Bar .... สามารถยื่นวีซ่า

  • Subclass 190 -Skilled Nominated visa
  • Subclass 491Skilled Work Regional (Provisional) visa
  • Subclass 494 Skilled Employer Sponsored Regional (Provisional) visa

แบบในประเทศออสเตรเลียได้ตั้งแต่วันที่ 13 November 2021

โพสนี้ มาเร็ว ไปเร็ว แค่ต้องการแจ้งข่าวดี

คนเขียนเชื่อว่าต้องมีน้องหลายๆคนที่จะได้ประโยชน์จากข่าวนี้ ดีใจด้วยนะคะ



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com


แชร์ประสบการณ์ Consultation & Section 48 Bar

4/9/2021

 

น้องลูกความเคสนี้ ไม่ใช่คนไทยค่ะ  Referred มาจากอดีตลูกความที่คนเขียนเคยทำ 457 และ 186 ให้ และน้องเป็นซิติเซ่นไปเรียบร้อยแล้ว

น้องเริ่มมาปรึกษาคนเขียนหนแรกปี 2018


  • น้องถือวีซ่า 457 และต้องการยื่นพีอาร์  ENS 186
  • หลังจากซักถามกันอยู่พักนึง คำแนะนำของคนเขียนคือ น้องมีทุกอย่าง ยกเว้น Competent English ซึ่งน้องจะต้องมีก่อนยื่นวีซ่า สรุปคือยังขอพีอาร์วีซ่า 186 ไม่ได้
  • น้องถามว่า แล้วจะทำไงเพราะ 457 ใกล้หมดอายุ และอิมมิเกรชั่นก็ยกเลิกวีซ่าประเภท 457 ไปแล้ว ยื่นอีกไม่ได้แล้ว
  • คนเขียนแนะนำว่าน้องยื่น 482 ได้ และไม่ได้กระทบกับการขอพีอาร์ 186 ในอนาคต แต่ต้องยื่น 186 ก่อน mid-March 2022 เนื่องจากเป็นเคส Transitional arrangements

ปี 2019 นายจ้างของน้อง ติดต่อมาหาคนเขียน

  • สรุปว่านายจ้างและน้องตัดสินใจยื่น 482 Nomination & visa applications ..... DIY ... ทำเองค่ะ !!!!
  • คนเขียนไม่เคยทำเคสให้นายจ้างหรือน้องลูกความ และไม่ได้คาดหวังว่าลูกความจะต้องมาใช้บริการ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำกันเอง  ใจกล้ามากค่ะ .... เคสนายจ้างสปอนเซอร์มีหลายประเด็นที่ต้องระวัง พลาดนิดเดียว เคสปลิวได้เลย
  • สรุปว่า Nomination ผ่าน แต่วีซ่าไม่ผ่าน
  • อ่านคำตัดสิน และขอเอกสารต่างๆมานั่งดู ทำ Research และเช็คข้อกฏหมาย (ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง ชาร์จลูกความ 1 ชั่วโมง)
  • คำแนะนำของคนเขียนคือ ถูกปฏิเสธเพราะประโยคเดียวที่น้องเขียน (นายจ้างช่วยเขียน เพราะคิดว่าจะช่วยเคส) ประโยคเดียวจริงๆ จบเคสนี้ไปเลย ..... ปกติแล้วพออ่านคำตัดสิน คนเขียนจะพอเห็นแนวทางการโต้เถียง แล้วเราค่อยมา Perfect เคสกันระหว่างรอ Hearing จะชนะ หรือไม่ชนะ ไม่รู้ แต่อย่างน้อยเราเห็นแนวทาง .... แต่สำหรับเคสนี้ ณ ตอนให้คำปรึกษา คนเขียนคิดไม่ออกจริงๆว่าจะเถียงกับ AAT ยังไงให้เคสรอด
  • การทำเคสเอง บางทีก็เจอแบบนี้ เจ้าตัวคิดว่าเขียนอย่างนี้ ต้องช่วยเคสแน่ๆ ปรากฏว่าสำหรับเคสนี้ ไม่ใช่เลย ตายสงบ ศพไม่สีชมพู ศพเกรียม
  • ด้วยสถานการณ์เฉพาะของเคสนี้ คนเขียนบอกลูกความตามตรงว่าเคส AAT มีความหวังน้อย  แต่เห็นวิธีที่น้องลูกความจะไม่ติด section 48 และสามารถยื่นวีซ่าต่อในประเทศออสเตรเลียได้ ในระหว่างยื่นอุทธรณ์ และถือ ฺBridging visa (เห็นไหมว่าแคร์ คิดว่าเคส AAT อาจจะไม่รอด ก็ยังพยายามหาทางอื่นเผื่อไว้ให้)

และ ... ใช่แล้วค่ะ อ่านไม่ผิด .... ไม่ใช่ทุกเคสที่ถูกปฏิเสธ และถือ Bridging visa แล้วจะต้องติด Section 48 Bar

บางเคส น้องยังอยู่ในภาวะที่ยังสามารถทำอะไรซักอย่างให้ตัวเองไม่ติด Section 48 Bar ได้ (เช่นเคสนี้)

บางเคส กว่าน้องจะมาถึงคนเขียน ก็เลยช่วงเวลาที่จะทำอะไรซักอย่างได้แล้ว แต่การสัมภาษณ์เจาะลึกเพื่อที่จะเข้าใจ timeframe ต่างๆในชีวิตน้อง (หมายถึง timeframe ของวีซ่า) อาจจะช่วยให้คนเขียนพิจารณาได้ว่าจริงๆแล้วน้องติดหรือไม่ติด Section 48 Bar

       
สรุปว่า .... ส่วนใหญ่แล้ว เคสที่ถูกปฏิเสธวีซ่า เคสรออุทธรณ์ และลูกความถือ Bridging visa จะติด Section 48 Bar คือยื่นวีซ่าส่วนใหญ่ในประเทศออสเตรเลียไม่ได้   ..... แต่ (ตัวโตๆ) ... ไม่เสมอไป


  • เคสนี้ คนเขียนแนะนำแนวทางเพื่อที่น้องจะไม่ติด Section 48 Bar ให้ทราบ
  • นายจ้างอีเมล์ตอบกลับมา .... ขอบคุณคนเขียน และบอกว่าไปปรึกษาทนายอีกคน และเค้ามีแนวทางและความเห็นไม่เหมือนคนเขียน และความเห็นของทนายคนนั้นคือ .. บลา ..บลา ...บลา
  • คนเขียนตอบไปว่า ความเห็นและคำแนะนำของคนเขียนยังเหมือนเดิม จะทำตามหรือไม่ทำตาม แล้วแต่คุณ
  • คนเขียนไม่มีหน้าที่มา Justify ความเห็นของตัวเอง ทุกครั้งที่มีคนเห็นต่าง ไม่ว่าจะเป็นทนายความ หรือเอเจนต์ท่านอื่น หรือเพื่อนของลูกความ คนเขียนใช้เวลาในการอ่านเคส ในการวิเคราะห์ อ่านข้อกฏหมาย และ Research ในแต่ละเคสก่อนให้คำแนะนำเสมอ .... สำหรับเคสนี้ ใช้เวลาไป 3 ชั่วโมง .... คุณจะเชื่อ และเอาแนวทางไปปรับใช้ หรือจะไม่เชื่อ และไม่เอาแนวทางไปปรับใช้ ก็เป็นสิทธิ์ของคุณ

ปี 2021 น้องลูกความที่เป็นแฟน (วีซ่าติดตาม ในภาษาน้องๆคนไทย) ติดต่อมาขอนัดปรึกษาสำหรับเคสตัวเอง และไม่ได้ท้าวความอะไรเกี่ยวกับเคสข้างบนเลย

แต่พอส่งเอกสารมา คนเขียนเห็นชื่อคนถือวีซ่าหลัก คนเขียนนึกเคสออกเลยว่าเคสไหน เคสหน้าตาเป็นยังไง เคยให้คำแนะนำอะไรไว้กับคนถือวีซ่าหลัก และนายจ้าง (ขนาดไม่เคยทำเคสให้นะ บางเคส คนเขียนก็มี Photographic memory เคสนี้จำรายละเอียดเคส และคำแนะนำของตัวเองในปี 2018 & 2019 ได้ โดยไม่ต้องดูเอกสารย้อนหลัง !!!  สมองเป็นอะไรที่แปลกมาก)


  • สรุปว่า 2 ปีผ่านไป เคสน้องยังอยู่ที่ AAT 
  • สรุปว่า ที่แนะนำให้ทำ เพื่อที่จะไม่ติด Section 48 Bar ไม่ได้ทำ (เพราะเมื่อปี 2019 ทำตามคำแนะนำของทนายอีกท่านนึง)  ... สรุปว่าติด Section 48 Bar
  • ตอนนี้คนถือวีซ่าหลักจะยื่น 186 ก็ยังยื่นไม่ได้ เพราะเคสยังค้างอยู่ที่ AAT และภาษาอังกฤษก็ยังไม่มี
  • น้อง (คนติดตาม) ต้องการให้ดูว่าเค้าจะสมัครเป็นคนถือ 482 หลักได้ไหม เพราะตอนนี้มีนายจ้างต้องการสปอนเซอร์ 
 
ปัญหาคือ


  1. น้องติด Section 48 ฺBar ต้องบินออกไปยื่นแบบนอกประเทศออสเตรเลีย
  2. น้องจะขอ Bridging visa B ผ่านรึเปล่า เพราะปัญหา COVID-19 ถ้าเหตุผลไม่ดีจริง อิมมิเกรชั่นอาจจะไม่ให้ออก
  3. ถ้าได้ Bridging visa B มา .... ออกไปแล้ว จะกลับเข้ามาได้รึเปล่า มีน้องๆหลายคนที่ออกไปแล้วด้วย Bridging visa B นี่แหละ และก็ติดอยู่นอกประเทศเลย เพราะ COVID-19 และขอ Travel Exemption ไม่ผ่าน
  4. ถ้ายินดีที่จะติดอยู่นอกประเทศ รอ 482 ออก .... แล้วถ้า Nomination และ/หรือวีซ่า 482 ถูกปฏิเสธล่ะ (และเคส AAT ของคนที่ถือวีซ่าหลัก ดูแนวโน้มแล้วมีโอกาสไม่รอดสูง เพราะประโยคๆเดียว)

ถ้าตอนปี 2019 น้อง action อย่างที่คนเขียนแนะนำ น้องก็จะไม่ติด Section 48 Bar น้องคนติดตามก็ยื่น 482 ในประเทศออสเตรเลียได้ และก็จะได้ ฺBridging visa มาถืออีกหนึ่งตัว ถ้าเคสผ่าน ปัญหาที่มีอยู่ก็จบ ถ้าเคสไม่ผ่าน น้องก็ยังยื่นอุทธรณ์ได้ พัฒนาเคสตัวเองต่อไปในออสเตรเลีย (hindsight is a wonderful thing) แต่ตอนนี้ทำแบบนั้นไม่ได้แล้ว

ป.ล. ทนายความและเอเจนต์แต่ละคน มีสไตล์การทำงานไม่เหมือนกัน มองเคสไม่เหมือนกัน วาง Strategy การทำเคสไม่เหมือนกัน คุณมั่นใจคนไหน คุณใช้บริการคนนั้น หรือทำตามคำแนะนำของคนนั้น

คนเขียนจบเคสอุทธรณ์ AAT 186/187 Nomination & Visa applications ไป 3 เคส (ชนะทั้ง 3  เคส และ 2 ใน 3 เคสนี้ เป็น Self Sponsor) จะแชร์ประสบการณ์ให้อ่านกันในโพสหน้านะคะ  ..... ขอบคุณที่ติดตามค่ะ


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com



น้องคนไหนส่งอีเมล์มา ช่วยอ่านหน่อยค่ะ

25/7/2021

 
น้องคนไหนส่งคำถามมาทางอีเมล์ น้อยมากที่คนเขียนจะไม่ตอบ และส่วนใหญ่จะตอบภายใน 1-3 วัน (แล้วแต่ความยุ่งและโอกาสของแต่ละวัน) ถ้าไม่ได้รับอีเมล์ตอบกลับ

  1. เช็ค Junk or Spam mailbox
  2. เช็ค Mailbox เต็มหรือเปล่า ปกติจะลองส่งใหม่ 2-3 รอบถ้ายังเด้งกลับมาเพราะเมล์เต็ม คนเขียนก็ไม่ทราบจะทำยังไง
  3. ใครส่งคำถามผ่าน "Contact us" จาก Immigration Success Australia website พิมพ์อีเมล์ตอบกลับของตัวเองให้ถูกต้องด้วย

ส่วนน้อยที่คนเขียนจะไม่ตอบอีเมล์ ก็เช่น คำถามกว้างๆสั้นๆ ประมาณ "หนูอยากทำพีอาร์ค่ะ"  "ผมอยากไปออสเตรเลีย ต้องทำยังไง"  ถ้าให้ข้อมูลมาแค่นี้ บอกตามตรงว่าไม่ทราบว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน จะให้อธิบายวีซ่าทุกประเภทก็คงไม่ไหว

เพราะฉะนั้น

สั้น กระชับ ได้ใจความ = ตอบได้ ตอบ | ถ้าตอบไม่ได้ เพราะรายละเอียดไม่พอ ต้องดูเอกสาร หรือต้องอธิบายกันยาว คนเขียนจะแจ้งรายละเอียดของการทำคอนซัลในอีเมล์ตอบกลับเลย

คนเขียนเป็นประเภทม้วนเดียวจบนะคะ ตอบกลับไปกลับมาทีละประโยค  สองประโยค ไม่ใช่สไตล์การทำงานของคนเขียน ถ้าไม่ทราบว่าจะเขียนยังไงให้สั้น กระชับ ได้ใจความ โทรเลยค่ะ 5 นาที Free advice


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


แชร์ประสบการณ์ Consultation & Bridging visa

15/7/2021

 
วันนี้คนเขียนมาแชร์ประสบการณ์ ทำเคสเอง ดีใจเอง เผลอๆดีใจมากกว่าลูกความซะอีก เพราะทราบว่าผล Bridging visa ตัวนี้ ให้ประโยชน์ลูกความมากมาย ..... ถ้าน้องจะใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

น้องโทรมาถามว่า Bridging visa E (BVE) ใกล้จะหมด ทำยังไงได้บ้าง  คนเขียนถามคร่าวๆว่าไปทำอะไร ยังไง ก่อนจะถือ ฺBridging visa E  น้องก็ตอบมาแบบงงๆ  คนเขียนก็งงๆ ไปกับน้องด้วย  เคสน้องค่อนข้างยุ่งเหยิงค่ะ คนเขียนขอไม่ลงรายละเอียด  .... แต่ .... สรุปว่าต้องนัด Consultation ค่ะ   และก็เป็นไปตามคาด  น้องก็บอกตามความเข้าใจ  แต่เอกสารมาอีกเรื่องนึงเลย  และเอกสารก็มีไม่ครบเพราะทำเองบ้าง เพื่อนช่วยบ้าง เพื่อนของเพื่อนช่วยบ้าง .... สรุปว่า ข้อมูลบางอย่างคนเขียนต้องคาดเดาเอาเอง (จากประสบการณ์)

ลูกความ :      พี่ ... ทำยังไงได้บ้าง BVE ผมกำลังจะหมด และพาสปอร์ตผมก็หมดอายุไปแล้วด้วย
คนเขียน :     น้องต่อ BVE ใหม่ได้ค่ะ แต่คิดว่าไม่จำเป็น เพราะเท่าที่ดู เหมือนจะมีความผิดพลาดที่ระบบ คือ ฺBVE ของน้อง ยังไม่ควรจะมีวันหมดอายุ ควรจะโชว์ indefinite .... พาสปอร์ตไม่ใช่ปัญหา
ลูกความ :     อุ๊ย .... เหรอพี่ .... ผมต่อ BVE ได้อีกใช่ไหม ค่อยโล่งใจหน่อย
คนเขียน :     ใช่ค่ะ ต่อได้ (ก็เพิ่งบอกไป) .... แต่ไม่ควรต่อ .... ควรจะเถียงกับอิมมิเกรชั่น ให้ BVE ตัวเดิม ยืดอายุออกไปถึงจะถูก
คนเขียน :      ............ เงียบ ............ (เงียบไป แปลว่าอ่านหรือจด ---- เงียบนี้ คือกำลังอ่านข้อกฏหมายอยู่ และปรับเทียบกับประวัติของน้องลูกความ)
คนเขียน :     .... อืม .... ดูเอกสารน้องแล้ว เหมือนน้องน่าจะมีสิทธิ์ได้ Bridging visa A (BVA) นะคะ .... แต่เสี่ยงอยู่ เพราะเอกสารตัวที่อยากเห็น และจะใช้อ้างอิง น้องไม่มี แต่จากประสบการณ์ และการนับนิ้ว คิดว่าเคสนี้มีลุ้น

เคสนี้คนเขียนต้องนับวันค่ะ .... วันที่ เป็นอะไรที่สำคัญมาก .... จะรอดหรือไม่รอด ขึ้นอยู่วันที่ของ Bridging visa ตัวเดิมที่ลูกความเคยถือ ว่าหมดอายุเมื่อไหร่ (แต่ลูกความไม่มี !!!)
 
Big deal มากนะคะ !!!!!     BVA ดีกว่า BVE มากมาย .... ถือ BVA สามารถยื่นขอ BVB เพื่อออกนอกประเทศออสเตรเลียได้ เปิดโอกาสให้ลูกความยื่นวีซ่าตัวอื่นแบบนอกประเทศออสเตรเลียได้ และกลับมารอวีซ่าในประเทศได้ (สำหรับเคส section 48 bar)  ในขณะที่ BVE น้องออกไปไหนไม่ได้เลย (คือ ออกได้ แต่กลับเข้ามาไม่ได้)

อ่านโพสเกี่ยวกับ Bridging visa ได้ที่นี่ค่ะ

คนเขียนให้น้องเลือกเองระหว่าง 

1. BVA ค่าบริการสูงกว่า เพราะเคสยากกว่า จะได้รึเปล่าไม่รู้ แต่มีลุ้น กับ
2. BVE ค่าบริการถูกกว่า และได้แน่ๆ ไม่ว่าจะเป็น BVE ตัวเดิมแต่เปลี่ยนจากมีวันหมดอายุ เป็นไม่มีวันหยุดอายุ หรือ BVE ตัวใหม่


     ....... ติ๊กต๊อก .... ติ๊กต๊อก .......


น้องตัดสินใจให้คนเขียนลองยื่นขอ BVA ให้ ......  Good decision ค่ะ  (คนเขียนอยากลอง เพราะเชื่อว่ามีลุ้น แต่นี่ชีวิตของลูกความ ตังค์ของลูกความ ก็ต้องให้ลูกความตัดสินใจเอง)

........ ปรากฏว่า อิมมิเกรชั่นได้ใบสมัคร BVA วันที่ 13 .... ปฏิเสธ BVA วันนั้นเลย ! ..... แอบผิดหวังไป 10 วิ (ก่อนอ่านคำตัดสิน)

คนเขียนคิดว่าถ้าปฏิเสธเพราะเรื่องวันที่ (ที่เราไม่มีเอกสารอ้างอิง แต่อิมมิเกรชั่นมีในระบบ) เราก็ต้องยอมรับผลคำตัดสินนั้น ..... ปรากฏว่าไม่ใช่ค่ะ .... ถูกปฏิเสธเพราะเจ้าหน้าที่อ้างว่าน้องเคยถือ BVE มาแล้ว จะกลับมาถือ BVA ไม่ได้ !  

........ โดยส่วนใหญ่แล้ว .... ใช่ค่ะ .... ถือ ฺBVE แล้ว จะกลับมาถือ BVA ไม่ได้ ..... แต่ .... ไม่เสมอไป

เคสนี้คนเขียนไม่คิดตังค์ลูกความเพิ่มด้วย .... แต่ขอ fight หน่อย เคืองใจมาก .... เจ้าหน้าที่ตัดสินแบบไม่ดูข้อกฏหมายได้ยังไง ... คนเขียนส่งอีเมล์ ระบุข้อกฏหมายที่ถูกต้องไปให้อิมมิเกรชั่น และขอให้พิจารณาใหม่ (เราไม่ยื่นใบสมัครใหม่ และเราก็ไม่ยื่นอุทธรณ์ด้วย)

คนเขียนบอกน้องว่า BVA ถูกปฏิเสธนะ แต่รอก่อนกำลัง fight ให้อยู่ จะหมู่หรือจ่า เดี๋ยวอีกวันสองวันคงรู้เรื่อง

วันนี้ อิมมิเกรชั่นส่ง BVA grant letter มาค่ะ .... ไม่มี condition ใดๆ เรียนได้ ทำงานได้ (ออกนอกประเทศได้ด้วย BVB) .......  ถูกปฏิเสธวันที่ 13 เปลี่ยนเป็น Visa grant ให้วันที่ 15 ..... สรุปว่าอิมมิเกรชั่นยอมรับว่าตัดสินผิด และข้อมูลที่คนเขียนต้องเดาและนับนิ้วจากประสบการณ์ ก็ถูกต้อง และตรงกับข้อมูลในระบบของอิมมิเกรชั่นค่ะ ..... เคสจบไปได้ด้วยดี ..... เย้


........ ถือวีซ่าผิด ชีวิตเปลี่ยน  .....

........ ตัดสินใจผิด ชีวิตเปลี่ยน ....

ฝากไว้ให้คิด บางครั้งโอกาสก็มากับการใช้เวลาขุดคุ้ย และมองลึก อ่านแล้วอ่านอีก ...... VEVO หรือวีซ่าที่ออกให้ ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป คำตัดสินของอิมมิเกรชั่นก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


แชร์ประสบการณ์ เคสวีซ่าพ่อแม่ วีซ่าผู้ปกครอง Parent visa

3/7/2021

 
วันนี้คนเขียนมาแชร์ประสบการณ์เคสผู้ปกครอง 2 เคส (ทั้งสองเคส ไม่ใช่คนไทย)

เคสแรก

เคสนี้ เป็น Referral จากอดีตลูกความซึ่งเริ่มจากเป็นผี แต่ตอนนี้เป็นพลเมืองออสเตรเลียไปเรียบร้อยแล้ว ... ลูกความฟันธงมาเลยว่าต้องการให้ทำ Parent visa ให้กับคุณพ่อ ซึ่งมาด้วยวีซ่าท่องเที่ยวและวีซ่ากำลังจะหมด

หลังจากสัมภาษณ์กันอยู่พักใหญ่ คนเขียนคิดว่าคุณพ่อทำ Parent visa แบบในประเทศออสเตรเลียได้ และก็จะได้ Bridging visa เพื่ออยู่รอวีซ่าในประเทศออสเตรเลียด้วย .... แต่ด้วยลักษณะเฉพาะของเคส คนเขียนเสนอวีซ่าอีกตัวให้เป็นทางเลือกด้วย ซึ่งบอกลูกความไปตามตรงว่าวีซ่าตัวนี้คนเขียนยังไม่เคยทำ และวีซ่าตัวนี้มีเงื่อนไขการผ่านยากกว่า Parent visa คือเคสยากกว่านั่นแหละ แต่คนเขียนคิดว่าเหมาะสมและจะให้ประโยชน์กับลูกความมากกว่า ทั้งช่วงรอและหลังวีซ่าผ่าน (ถ้าวีซ่าผ่านนะ)

คนเขียนให้ลูกความเลือกเองระหว่าง Parent visa ที่ลูกความต้องการทำ (และคนเขียนก็ทำเป็นปกติ)

หรือจะทำวีซ่าอีกตัว ที่คนเขียนก็ไม่เคยทำ และเอกสารการพิสูจน์เงื่อนไขต่างๆก็ซับซ้อนกว่า ความเสี่ยงสูงกว่า แต่ให้ประโยชน์มากกว่า

เมื่อมีทางเลือก เราให้ทางเลือกค่ะ .... ส่วนการตัดสินใจเป็นของลูกความ 

                      .... ติ๊กต๊อก .... ติ๊กต๊อก ....

ลูกความเลือกวีซ่าตัวใหม่ ไอเดียบรรเจิดของคนเขียน ...... รอดไหม? .... รอดสิ

เคสที่ไม่เคยทำ ไม่ใช่แปลว่าทำไม่ได้ หรือจะทำได้ไม่ดี .... ไม่เสมอไปค่ะ ....

นักกฏหมาย เราไม่ท่องจำเป็นนกแก้วนกขุนทอง เรารู้ว่าเราควรจะหาข้อมูลจากตัวบทกฏหมายไหน เราเข้าใจวิธีตีความของกฏหมาย เราปรับบทกฏหมายให้เข้ากับข้อเท็จจริง (สถานการณ์ของลูกความ) 

สมัยคนเขียนเรียนกฏหมาย ไม่ว่าจะที่ไทยหรือที่นี่ ข้อสอบส่วนใหญ่เป็น Open-book exams (เปิดหนังสือตอบ) เพราะไม่มีโรงเรียนสอนกฏหมายที่ไหน คาดหวังว่านักกฏหมายจะต้องจำมาตรานั้นนี้ได้ .... จำได้ ... แต่ปรับใช้ไม่เป็น ... ก็จบ


เคสที่สอง

เคสนี้ เป็น Referral จากเพื่อนทนายความ ... คุณแม่มาด้วย Tourist visa (วีซ่าท่องเที่ยว) เหลือเวลาอีก 2 เดือนวีซ่าจะหมด ต้องการทำ Parent visa และต้องการให้คุณแม่อยู่ที่ออสเตรเลียตลอดระหว่างรอ เพราะคุณแม่ไม่มีที่จะไป ตัวคนเดียวและกลับไป ก็ไม่มีที่อยู่  ..... ใครที่เป็นลูกคนเดียวและเหลือผู้ปกครองอยู่คนเดียว คงเข้าใจความรู้สึกคุณลูก

ปัญหาคือ ..... คุณแม่อายุยังไม่มากพอที่จะยื่น Parent visa แบบในประเทศออสเตรเลียได้ .... ต้องยื่นแบบนอกประเทศออสเตรเลีย ซึ่งคุณแม่ก็จะไม่ได้ Bridging visa เพื่อรอผลวีซ่าในประเทศออสเตรเลีย  จะยื่น Tourist visa อีกรอบ ก็คาดว่าจะไม่ผ่าน

สรุปว่าโจทย์คือ .... เหลือวีซ่าอยู่ 2 เดือน ทำยังไงก็ได้ให้คุณแม่อยู่ในประเทศออสเตรเลียในระหว่างรอวีซ่าซึ่งใช้เวลารอ 3 - 4 ปี

โจทย์นี้ ไม่ยากสำหรับคนเขียน อยู่ที่ลูกความจะมั่นใจในคนเขียน และ Strategy ของคนเขียนไหม และจะรับแรงกดดันที่อาจจะมาจากอิมเกรชั่นได้หรือไม่ เพราะจากประสบการณ์ มีแน่ๆ ส่วนจะกดดันมากน้อยแค่ไหน อีกเรื่องนึง

ลูกความถามว่าแล้วยูจะคอยไกด์ชั้นไปตลอดใช่ไหม ... แน่นอนสิคะ แผนงานของเราใช้เวลา 3-4 ปี มี 4-5 สเต็ป ขึ้นอยู่กับว่าอะไรเกิดขึ้นบ้างระหว่างทาง ไม่ไกด์ลูกความ เคสก็ไปไม่รอดสิ

สรุปว่าเคสนี้ ลูกความแฮ๊ปปี้มากที่คุณแม่ได้อยู่ที่ออสเตรเลียตลอดระยะเวลารอวีซ่า ลูกความต้องพาคุณแม่ออกไปนอกประเทศรอบนึงค่ะ เพื่อที่อิมมิเกรชั่นจะได้ออก Parent visa ให้ได้ (ตอนทำเคสนี้ กฏหมายคือยื่นใบสมัครแบบนอกประเทศออสเตรเลีย ต้องอยู่นอกประเทศออสเตรเลียตอนวีซ่าออก)



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : ยื่น 186 หรือ 482 แต่ไม่มีผลภาษาอังกฤษ

13/1/2021

 
Q: ผมเคยถือวีซ่า 457 มาตอนนี้ก็ครบ 4 ปี หมดอายุไปแล้ว ตอนขอ 457 ผมใช้ 5 ปี full-time student แต่มารู้ที่หลังว่าเขาไม่ใช้แล้ว แล้วด้วยสถานะการณ์โรคระบาดเลยจำเป็นต้องเปลี่ยนวีซ่าตัวเองเป็น 482 ก่อนเพราะ agent บอกว่ายื่น 186 ไม่ได้ แต่ปัญหาของผมคือไม่ว่ายังไงก็สอบภาษาไม่ผ่านสักที และตอนนี้ก็ on visa Bridging อยู่ กลัวว่าถ้าถึงวันที่ immigration รอคะแนนภาษาผมไม่ได้แล้วผมจะโดนส่งกลับ หรือยื่นอุทธรณ์ได้ไหมเพราะถ้าเอาจริงๆ ผมพร้อมหมดแล้ว ขาดแต่ภาษาเรื่องเดียวในการขอ pr แล้วผมก็ทำงานจ่าย tax ที่เดิมซื่งเป็นบริษัทแฟนไซน์มา 9 ปีในการทำงานภาษาอังกฤษไม่ใช้ปัญหาเลยแค่ด้วยตัวผมเองไม่ว่ายังไงก็สอบไม่ผ่านสักที คือจริงๆแล้วผมก็แค่อยากระบายเพราะตอนนี้ผมมีความรู้สึกว่าตัวคนเดียวเฉยๆ ครับ
 
ขอบคุณครับที่รับฟัง


A: อ่านแล้วรู้สึกว่าต้องรีบตอบ สงสารคนตัวคนเดียว (เรื่องจริง ไม่ล้อเล่น)

186 ตอนนี้ใช้ผลการเรียน 5 ปีไม่ได้แล้ว และผลภาษาอังกฤษต้องมีก่อนยื่น
482 ภาษาอังกฤษไม่จำเป็นต้องมีก่อนยื่น (แต่มีก่อนยื่นดีที่สุด) ถ้าถึงเวลาจะตัดสินแล้วยังไม่มีผลภาษาอังกฤษ
       เคสจะถูกปฏิเสธ ยื่นอุทธรณ์ได้ค่ะ
482 ยังใช้ five years of full-time study in a secondary and/or higher education institution where the
       instruction was delivered in English แทนผลภาษาอังกฤษได้ค่ะ

คนเขียนก็มีลูกความหลายคนที่สอบภาษาไม่ผ่านซักที สู้ๆค่ะ เอาใจช่วยนะคะ


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : Partner visa & Bridging visa A (BVA)

13/11/2020

 
Q: ขณะนี้อาศัยอยู่ออสเตรเลียด้วย Visitor Visa ต้องการยื่นขอ Partner Visa แบบ onshore  แต่ติดตรงที่ระหว่างรอวีซ่าตัวจริง ทำอย่างไรถึงจะสามารถเรียนและทำงานในออสเตรเลียไปด้วยได้ เข้าใจว่า BVA ที่จะได้ระหว่างรอ จะเป็นเงื่อนไขเดียวกับ Visitor Visa subclass 600 ที่ถืออยู่ ณ ปัจจุบัน

ขอคำแนะนำเบื้องต้น เรื่องว่าควรยื่นประเภทวีซ่าที่เหมาะสม ที่จะสามารถเรียนและทำงานในออสเตรเลียได้


A: ตอนที่ถือวีซ่าท่องเที่ยวก็ทำตามเงื่อนไขวีซ่าท่องเที่ยว เมื่อ Bridging visa เริ่มมีผลบังคับใช้ สามารถเรียนและทำงานได้ค่ะ 
 
จากข้อมูลที่ให้มาซึ่งค่อนข้างจำกัด Partner visa น่าจะเป็นวีซ่าที่เหมาะสมแล้วนะคะ แต่ไม่ทราบรายละเอียดลึกๆ ก็ไม่ทราบว่าเคสจะมีประเด็นอะไรให้ต้องกังวลหรือไม่



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


Q & A : Bridging visa E ต้องขอก่อนหรือหลังวีซ่าหมด

7/11/2020

 
Q: อยากสอบถามเรื่อง Bridging Visa E ค่ะ พอดีว่าติด Section 48 bar จาก 485 visa refusal แล้วต้องกลับไทยภายใน 28 วัน แต่ว่ายังหาไฟลท์กลับไทยไม่ได้ เลยต้องการยื่นขอ BVE ไม่ทราบว่าต้องขอก่อนหรือหลังวีซ่าหมดหรอคะ

A: ถ้าตอนนี้ถือ BVE อยู่แล้ว = ต่อก่อนวีซ่าหมด
ถ้าตอนนี้ถือวีซ่าอื่น เช่น BVA = ต่อวันถัดไปหลังวีซ่าหมด (เช่น BVA หมดวัน 14, ยื่นใบสมัคร BVE วันที่ 15)

ป.ล.1    วีซ่าถูกปฏิเสธ น่าจะมี 35 วันนะคะ ไม่ใช่ 28 วัน ลองเช็ค VEVO ดูอีกครั้งว่าวีซ่าหมดวันไหนแน่
ป.ล.2    ในกรณี 485 ถูกปฏิเสธ น่าจะมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์นะคะ ลองพิจารณาดูว่าเป็นเคสที่ควรจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่



Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com


ถาม - ตอบ จิปาถะ

11/6/2020

 
โพสนี้จะเป็นโพสถามมา - ตอบไป แบบจิปาถะ คือไม่มีหัวข้อนะคะ เป็นคำถามจากน้องๆที่โทรมา อีเมล์มา และคนเขียนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆด้วย

คนเขียนจะอัพเดทคำถาม - คำตอบเป็นระยะๆ - เรียงลำดับจากใหม่ไปเก่า จากบนลงล่าง

โพสนี้ยาวมาก คนเขียนขอจบแค่ June 2020  และตั้งแต่ July 2020 จะเป็นโพส Q & A สั้นๆแทนนะคะ

11/06/2020
Q: ถ้าไม่เป็นการรบกวนเกินไปขอสอบถามเล็กน้อยเกี่ยวกับ186ได้ไหมครับ?

1. ผมทำเรื่องยื่น 457 เมื่อ 3/18 granted 10/18 ในเวลานั้นนายจ้างทำ Benchmark ให้ผมและกฎ Benchmark ก็ถูกยกเลิกไป ผมอยากสอบถามว่านายจ้างต้องจ่าย Training Nominate ต่อทุกปีไหมครับในขณะที่ยังคง sponsor 457 ผมอยู่เวลานี้เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย

2. จริงๆแล้ว วีซ่า186 ที่ต้องทำหลังจาก 457 นี่ จำเป็นที่จะต้องทำskill assessmentไหมครับ?
 
3. sponsor visa 457 สามารถเปลี่ยนนายจ้างระหว่างถือวีซ่าได้ไหมครับ? จะมีผลกับการทำวีซ่า186หรือเปล่า แล้วระหว่างถือวีซ่า186 สามารถเปลี่ยนนายจ้างได้ไหมครับ?  อีกอย่างคือ ถ้าหากผมย้ายนายจ้างระหว่างที่ถือ457อยู่ จะต้องนับปีใหม่ไหมครับ? หรือว่าแค่ให้โดยรวมครบ3ปีก็มาสามารถทำ186ได้เลย


A: นี่เรียกว่าถามเล็กน้อยเหรอคะ ... ล้อเล่นค่ะ ยินดีตอบ จริงๆคนเขียนจำน้องได้ เพราะฉะนั้นดีใจด้วยที่ได้วีซ่ามาในที่สุด และฝากสวัสดีคุณแม่ด้วยนะคะ

1. ไม่ต้องค่ะ 
2. ไม่ต้องค่ะ (แต่อิมมิเกรชั่นมีสิทธิ์ขอให้ทำ)
3. ถือ 457 อยู่ก็เปลี่ยนนายจ้างได้ นายจ้างใหม่ต้องมี Approved Nomination ก่อน น้องถึงจะเริ่มงานกับนายจ้างใหม่ได้ ถ้าเปลี่ยนนายจ้าง ปกติก็ต้องเริ่มนับ 3 ปีใหม่ค่ะ ถ้าเปลี่ยนนายจ้างเพราะบริษัทถูก take over หรือเปลี่ยน structure ของธุรกิจ ต้องเอาเคสมาดู อาจจะไม่ต้องเริ่มนับ 3 ปีใหม่ (คนเขียนทำมาแล้ว ผ่านไปได้ด้วยดี แบบเหนื่อยๆ)

ถือ 186 เปลี่ยนนายจ้างได้ไหม?  คำถามยอดฮิต

- 186/187 สั้นๆคือวีซ่าที่ต้องทำงานกับนายจ้างอย่างน้อย 2 ปี  หลังจาก 2 ปีก็ตามสบายค่ะ (ในส่วนของอิมมิเกรชั่น) แต่ในส่วนของกฏหมายแรงงานน้องก็ต้องดูว่าสัญญาจ้างงานกำหนดไว้ว่ายังไงด้วยนะคะ 
- วีซ่า 187 มีเงื่อนไขติดมากับวีซ่าที่อิมมิเกรชั่นสามารถยกเลิกวีซ่าได้ถ้าไม่ทำงานกับนายจ้าง ส่วน 186 ไม่มีเงื่อนไขนั้น
- แต่อิมมิเกรชั่นก็ใช้กฏหมายข้ออื่นมายกเลิกวีซ่าได้ (ุถ้าจะทำ) ส่วนใหญ่จะเป็นกรณีที่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะทำงานกับนายจ้างอยู่แล้ว และเคส 186 ที่ถูกยกเลิกก็มีมาหลายปีแล้วนะคะ
- ถ้ามีเหตุผลสมควรในการต้องเปลี่ยนนายจ้างก็จัดไปค่ะ ถ้าวีซ่าจะถูกยกเลิก ก็เอาเหตุผลไปอธิบายให้อิมมิเกชั่นฟัง เช่นถูกไล่ออก หรือนายจ้างไม่จ่ายค่าจ้างตามที่ตกลงกัน เป็นต้น
- ถ้าอึดอัดกับนายจ้าง ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Skilled Visas ดูสิคะ มีหลายตัวเลย และอาชีพของน้องก็อยู่ใน Medium & Long term list (MLTSSL) ด้วย นับ points และต้องทำ skills assessment นะคะ

Q: ไม่ทราบว่าพี่รับเขียน Story สำหรับ Protection visa ไหมครับ

A: ไม่รับค่ะ ไม่รับสร้างเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

คนเขียนทราบมาว่าบางคนคิดค่าบริการทำ Protection visa ให้น้องๆกันเป็นหมื่นเหรียญ บางคนก็หลายหมื่นเหรียญด้วยซ้ำ บอกแล้วบอกอีก บอกตรงนี้อีกรอบ คนไทยที่ได้ Protection visa มีน้อยมากๆ เคสคนไทยส่วนใหญ่ น้องเอาเงินไปทิ้งกับวีซ่าที่ตัวเองไม่มีโอกาสได้ แค่ซื้อเวลาเพื่อจะอยู่ที่ออสเตรเลีย พอเจอวีซ่าที่ต้องการยื่นจริงๆ เจ้า Protection visa ที่น้องเคยยื่นก็อาจจะมาสร้างปัญหาให้กับวีซ่าตัวใหม่ได้ เอาเงินนี้ไปยื่นวีซ่า (และถ้าจำเป็นก็ยื่นอุทธรณ์) กับวีซ่าที่เราน่าจะมีโอกาสได้ดีกว่านะคะ  อย่าถูกหลอก หาข้อมูลเยอะๆ 

4/06/2020
Q: เรียนจบป.โท ในสาขา environmental engineering at xxx University และกำลังจะเรียนจบป.เอก สาขาเดียวกันและที่เดียวกันในเดือนกันยายนนี้ มีคะแนน IELTs ของเก่า band 6 ไม่เคยขอวีซ่าของออสเตรเลีย สุขภาพแข็งแรงดี สามารถขอวีซ่า Skilled—Recognised Graduate visa ได้ไหม จำเป็นไหมที่ต้องเรียนจบในออสเตรเลีย หรือมีวีซ่าอื่นที่จะแนะนำไหม

A: จริงๆแล้วน้องถามมาอย่างสุภาพมากนะคะ คนเขียนตัดบางประโยคออกตามความเหมาะสม

ไม่จำเป็นต้องจบที่ออสเตรเลียค่ะ แต่ต้องจบจากสถานศึกษาและคอร์สที่ Accredited under the Washington Accord หรือที่ระบุไว้ในนี้ อายุและผลภาษาอังกฤษของน้องเข้าเงื่อนไขวีซ่านี้  แต่จากที่คนเขียนเช็คให้คร่าวๆ 
มหาวิทยาลัยและคอร์สของน้องเหมือนจะไม่อยู่ในลิสสำหรับวีซ่านี้ (คนเขียนส่งลิงค์สำหรับประเทศที่น้องเรียนให้แล้วทางอีเมล์) เพื่อให้แน่ใจน้องลองเช็คเองอีกครั้งจากลิงค์ที่ให้ไว้ในนี้และทางอีเมล์นะคะ เชื่อว่าน้องจะหาข้อมูลที่ต้องการได้ค่ะ  ถ้าต้องการให้คนเขียนดูให้ลึกกว่านี้หรือหาทางเลือกอื่นที่อาจจะมี รบกวนนัดปรึกษา ส่งเอกสารการศึกษาและ CV/Resume เป็นเคสที่ต้องใช้เวลาในการพิจารณาและคุยกันค่ะ

ป.ล. โพสนี้ ถามถึง Subclass 476 Skilled—Recognised Graduate visa เป็นวีซ่าชั่วคราว 18 เดือนสำหรับคนจบด้าน Engineering โดยเฉพาะเลยค่ะ ซึ่งบางคนก็สามารถต่อยอดไปเป็นพีอาร์ได้ เป็นวีซ่าที่น่าสนใจค่ะ

Q: สวัสดีค่ะ..เพิ่งอ่านเจอครั้งแรกค่ะ..ขอบคุณมากๆค่ะ..ที่มีเพจแบบนี้มาแบ่งปันความรู้..ขอสอบถามค่ะ.. ตอนนี้ได้วีซ่าถือ.. TR..อยู่ที่ออสค่ะ และอีก5เดือนหน้าจะครบ2ปีค่ะ..ต้องจะยื่นวีซ่าติดตามลูกชายอายุ20..แต่เราไม่มีตังจ่ายให้ทางเอเจ้น..ติดช่วงโควิด สถานะการเงินได้แค่พยุงตัวตอนนี้..ก็เลยตั้งใจจะทำเอกสารเองค่ะ..อยากสอบถามว่า..เราต้องเริ่มต้นเตรียมเอกสารอย่างไรค่ะ และเราต้องเข้าไปตรวจสอบสถานะในอิมเพื่อเปลื่ยนแปลงอีเมล..ให้อิมสามารถติดต่อเราทางอีเมลหรือป่าวค่ะ..เพราะตอนยื่นวีซ่า309 เอเจ้นเป็นฝ่ายที่ยื่นให้ค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ

A: ขอบคุณที่อ่านเพจค่ะ เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจวีซ่าที่ต้องการจะสมัคร ลองอ่านรายละเอียดของ Subclass 445 Dependent Child visa ดูนะคะ ลูกอายุ 20 แล้ว ต้องพิสูจน์ว่ายังพึ่งพาเราทางด้านการเงิน บางเคสก็ตรงไปตรงมา บางเคสก็น่าปวดหัว  เมื่อลูกได้วีซ่านี้ ก็ทำเรื่องแจ้งอิมมิเกรชั่นขอเพิ่มลูกใน Partner visa ของเรา ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนพีอาร์ Subclass 100 Permanent Partner visa ออกนะคะ  ถ้าพีอาร์ออกก่อน ลูกก็ต้องหาวีซ่าอื่นยื่นแล้วค่ะ

ส่วนของ Partner visa เช็คใน Application form ตอนยื่นวีซ่า 309 ในหัวข้อการติดต่อสำหรับ "Second stage permanent visa" ว่าที่ใส่ไปเป็นอีเมล์ของตัวเองหรือของเอเจนต์ ถ้าเป็นอีเมล์ของเอเจนต์ และต้องการเปลี่ยนเป็นอีเมล์ของตัวเอง ก็ต้องแจ้งเปลี่ยนกับอิมมิเกรชั่นค่ะ 

21/05/2020
Q: ผมอยากทราบเรื่องการโทรติดต่อในกรณีที่ผมตัดสินใจให้พี่ทำเคสให้ ผมโทรหาได้กี่ครั้ง และถ้าโทรบ่อยจะมีค่าบริการเพิ่มไหม ต้องนัดล่วงหน้าไหม

A: ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอคำถามนี้ คนเขียนชอบลูกความที่ proactive และใส่ใจเคสตัวเอง เพราะฉะนั้นจะโทรกี่ครั้งก็ได้ค่ะ ถ้าถามคำถามแล้วน้องสบายใจขึ้น เข้าใจเคสตัวเองได้มากขึ้น ส่งเอกสารให้คนเขียนได้ตรงประเด็นมากขึ้น ยินดีรับโทรศัพท์อย่างมาก ไม่คิดค่าบริการเพิ่ม และไม่ต้องนัดล่วงหน้า

20/05/2020
Q: พี่คะ หนูอ่านเจอโพสของพี่ที่ให้เวลา 5 นาที สำหรับโทรถามคำถาม ไม่ทราบว่าหนูต้องนัดล่วงหน้าไหมคะ

A: ขอบคุณสำหรับความเกรงใจ แต่ไม่ต้องนัดล่วงหน้าค่ะ

ป.ล. น้องหมายถึงโพสนี้ของคนเขียน
        สำหรับน้องๆ = สะดวกก็โทร (หรือโทรใหม่) | สำหรับคนเขียน = สะดวกก็รับ (หรือโทรกลับ)

Q: วีซ่านักเรียนกำลังจะหมดเดือนหน้า ไม่ต้องการเรียนต่อ และต้องการจะกลับไทย แต่ยังไม่มีตั๋วกลับ ขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ไหมคะ

A: สถานะการณ์ปกติอาจจะยากหน่อย สถานะการณ์ COVID-19 ตอนนี้มีความเป็นไปได้ค่ะ อย่าลืมเขียนคำอธิบายว่าทำไมถึงขอวีซ่านี้ประกอบไปด้วยนะคะ หรืออาจจะลองเช็ควีซ่า 408 เทียบกันดูนะคะ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ เมื่อยื่นใบสมัครแล้วก็จะได้ Bridging visa มาค่ะ คืออยู่ต่อได้อย่างไม่ผิดกฏหมายในระหว่างรอการพิจารณาและรอตั๋วกลับไทย

19/05/2020
Q: ยื่น Partner visa ก่อนวีซ่าท่องเที่ยวจะหมด นี่วีซ่าท่องเที่ยวหมดไปหลายวันแล้ว แต่อิมมิเกรชั่นยังไม่ส่งเอกสารแจ้งเรื่อง Bridging visa มาเลย ต้องทำยังไงดีคะ และ Partner visa ที่ยื่นไปคือทำกันเอง ยื่นเอกสารแค่ไม่กี่อย่าง ยังไม่ได้ยื่นเอกสารความสัมพันธ์เลยค่ะ

A: ถ้ายื่น Partner visa ก่อนวีซ่าท่องเที่ยวหมด โดยปกติน้องก็จะได้รับ Acknowledgement letter & Bridging visa grant letter นะคะ พอวีซ่าท่องเที่ยวหมด น้องก็ถือ Bridging visa โดยอัตโนมัติ อิมมิเกรชั่นจะไม่ส่งเอกสาร Bridging visa มาให้อีกรอบ

วิธีเช็ค
1. หาอีเมล์ Bridging visa grant letter (ส่วนใหญ่จะมาวันที่เรายื่น Partner visa หรือวันถัดไป)
2. เช็ค VEVO ซึ่งควรจะขึ้นว่าตอนนี้น้องถือวีซ่า Subclass 010 -  Bridging visa A
3. ถ้าหา Bridging visa grant letter ไม่เจอ หรือ VEVO ขึ้น Error แถบแดง โทรกลับมาหาคนเขียนใหม่ค่ะ ต้องมาดูแล้วว่าทำอะไรพลาด และปัญหาอยู่ตรงไหน

เอกสารความสัมพันธ์ก็ทยอยยื่นเข้าไปค่ะ ไม่ต้องรออิมมิเกรชั่นขอก่อนแล้วค่อยยื่น

Q: สวัสดีค่ะ ขอรบกวนค่ะ ดิฉันถูกปฏิเสธวีซ่า 186 และยื่นอุทธรณ์ไป นี่รอมา 2 ปีกว่าแล้ว เอเจ้นที่ใช้บริการบอกว่ายังไม่มีความคืบหน้า ควรทำยังไงดีคะ 

A: ไม่ทำยังไงค่ะ รอต่อไป เดี๋ยวก็ถึงคิวเรา
AAT ก็ทำตามนโยบาย COVID-19 ของรัฐบาล และพยายามทำ Hearing ที่ทำได้ทางโทรศัพท์และก็ทาง Video Conference  เคสต่างๆก็ต้องมีความล่าช้ามากขึ้นเป็นธรรมดา  คนเขียนก็มีหลายเคสในมือที่ใกล้ 2 ปี และ 2ปี+ 

10/05/2020
Q: สวัสดีค่ะพี่เก๋ พอดีหนูไปคุยกับทนายคนนึง หนูมีแฟนที่คบกันมา 4 ปีแล้ว กำลังเก็บเงินจะยื่นวีซ่าพาร์เนอร์ แต่วีซ่านักเรียนดันมาถูกยกเลิกเสียก่อน ทนายบอกว่าหนูยื่นวีซ่าพาร์เนอร์ในออสไม่ได้แล้ว เพราะหนูถูกยกเลิกวีซ่านักเรียน ก็จะติด section 48 ห้ามยื่นที่ออส ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น นี่หนูก็ถอดใจแล้วว่าต้องกลับไปยื่นที่ไทย แต่พอดีเพิ่งได้อ่านโพสของพี่ว่ายื่นได้ ทำไมเค้าถึงแนะนำว่ายื่นไม่ได้ละคะ

A: แล้วคนเขียนจะทราบไหม ไม่ได้เข้าไปนั่งฟังด้วยนิ  น้องก็ไปถามคนที่ให้คำแนะนำสิคะ

โอเค ไม่กวนแล้ว ตอบจริงๆก็ได้ ........................................ ถ้าแนะนำว่ายื่นที่ไทยจะได้วีซ่าง่ายกว่า อันนี้เป็นไปได้ และส่วนใหญ่ก็ใช่ซะด้วย  แต่ถ้าแนะนำว่าเคส Section 48 ยื่นที่ออสเตรเลียไม่ได้ ต้องกลับไปยื่นที่ไทยเท่านั้น อันนี้ไม่ใช่แล้ว (ยืนยัน เพราะทำเคส Section 48 ยื่นที่ออสเตรเลียมาหลายเคสแล้ว)

เคสติด Section 48 แล้วกลับไปยื่นที่ไทย ก็คือเคส Partner visa แบบปกตินั่นแหละค่ะ เพราะ Section 48 ไม่ได้มีผลอะไรกับการยื่นแบบนอกประเทศออสเตรเลีย และเอาตรงๆมันง่ายกว่าสำหรับคนทำงานด้วย   แต่พอเป็นเคส Section 48 ยื่นในออสเตรเลียปุ๊บ กลายเป็นเคสยากขึ้นมาเลย เอเจนต์บางคนก็ไม่อยากทำเคสแบบนี้ เครียดกว่า ใช้เวลาการทำงานเยอะกว่า ต้องละเอียด ต้องทำ Research ต้องทำ  Submission นำเสนอเคสให้ลูกความ ความเสี่ยงก็สูงกว่า ...... แต่ถ้าบอกลูกความว่าทำไม่ได้ เพราะตัวเองไม่อยากทำ คนเขียนว่าไม่แฟร์นะ ชีวิตของน้อง น้องต้องมีสิทธิ์เลือก

บางเคสก็ชัดเจนนะคะว่าถ้ายื่นที่ออสเตรเลียคือไม่ผ่าน ก็ต้องแนะนำให้ยื่นที่ไทย; บางเคสก็มีลุ้นค่ะ เคสแบบนี้คนเขียนจะให้ข้อดีข้อเสียของการยื่นที่ไทย vs ยื่นที่ออสเตรเลีย  รับได้แบบไหน บอกมาคนเขียนจัดให้; บางเคส เมื่อเอาปัจจัยหลายๆอย่างมาพิจารณาประกอบกันแล้ว (Strategically) เสี่ยงยื่นที่ออสเตรเลียดีกว่าและให้ประโยชน์มากกว่า หรือบางเคสออกไปแล้วอาจจะไปแล้วไปลับไม่กลับมา What?!!!! .... ใช่แล้ว .... เพราะฉะนั้นไม่ใช่ทุกเคสที่ควรจะกลับไปยื่นที่ไทย

.... สงสัยว่าทำไมช่วงนี้มีคนถามประเด็น Section 48 กับ Partner visa มาเยอะมาก อาจจะเพราะสถานการณ์ COVID-19 รึเปล่า  ถ้ายังไม่เข้าใจก็ย้อนกลับไปอ่านโพส Partner visa เก่าๆของคนเขียนด้วย  หรือจะโทรมาใช้บริการ 5 นาที Free Advice ก็ได้ (แต่บอกตามตรงว่าเคส Section 48 และต้องการจะยื่นที่ออสเตรเลีย 5 นาทีไม่พอ เคสแบบนี้โทรมาคุยกันเบื้องต้นและนัดทำคอนซัลค่ะ)

7/05/2020
Q: สวัสดีค่ะ จะรบกวนสอบถามค่ะ คือถือ 457 แล้วเราลาออกจากร้าน แต่ยังหานายจ้างใหม่ไม่ได้ แล้วระยะเวลาจากวันที่ลาออกจนตอนนี้ก็เกิน 60 วัน แต่เช็คใน vevo ก็ขึ้นว่า in Effect อยู่ แต่ไม่ขึ้นหมายเลข reference ของนายจ้าง แล้วก็ไม่ได้รับการติดต่อจากทนายหรืออิมมิเกรชั่นเรื่องโดนยกเลิกวีซ่า อย่างนี้ถือว่าวีซ่าถูกยกเลิกหรือยังคะ

A: ถ้าเช็คใน VEVO แล้ว ยังขึ้นว่าถือ 457 อยู่ ก็คือยังไม่ถูกยกเลิกค่ะ

ถ้าถูกยกเลิก หรือไม่มีวีซ่า VEVO ก็จะไม่ขึ้นเลขวีซ่านะคะ จะขึ้นแถบแดงว่ามี Error เกิดขึ้น ก่อนจะตกใจว่าเราไม่ถือวีซ่าแล้ว เช็คก่อนว่าพิมพ์ข้อมูลส่วนตัวถูกต้องหรือไม่ พิมพ์วันเกิดหรือพาสปอร์ตผิดก็ขึ้น Error นะคะ

สำหรับน้อง เกิน 60 วันแล้ว ถ้าหานายจ้างได้ต้องรีบยื่นเอกสาร ถ้าหาไม่ได้ ก็ควรจะต้องสมัครวีซ่าอื่นที่เหมาะสม หรือเดินทางออกจากประเทศออสเตรเลียนะคะ 

6/05/2020
Q: ขอสอบถามค่ะ คือวีซ่านักเรียนถูกยกเลิก และตอนนี้ไม่มีวีซ่า แต่มีแฟนที่เป็นพีอาร์น่ะค่ะ พอดีอ่านเจอจากเวปอื่นว่ายื่น Partner visa ในออสเตรเลียไม่ได้ เพราะติดบาร์ section 48  แต่อยากลองสอบถามให้แน่ใจว่ายื่นไม่ได้จริงๆ เพราะตอนนี้ก็มี Covid และก็ไม่อยากแยกกันกับแฟน

A: ยื่นได้ค่ะ จะติด Section 48 บาร์ จากการถูกปฏิเสธ หรือถูกยกเลิกวีซ่า หรือจะ Overstay วีซ่า ก็สามารถยื่น Partner visa ในประเทศออสเตรเลียได้ค่ะ  แต่โน๊ตนะคะว่ายื่นได้ ไม่ได้แปลว่าจะได้วีซ่าเสมอไปนะคะ เป็นเคสที่ต้องคุยกันยาวค่ะ และต้องยอมรับความเสี่ยงได้

ลักษณะการยื่น และเงื่อนไขการได้วีซ่าสำหรับเคส Section 48 หรือเคส Overstay ค่อนข้างซับซ้อน คือต้องมีการพิจารณาว่าเคสมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ไม่ง่าย แต่เคสที่ผ่านมาแล้วก็เยอะค่ะ เคสแชร์ประสบการณ์ Partner visa และเคส Partner visa ที่คนเขียนกล่าวถึงในโพสนี้ หรือโพสอื่นๆ ที่ลูกความได้วีซ่า ส่วนใหญ่ก็เป็นเคสเคยถูกยกเลิกวีซ่ามาก่อนนะคะ ไม่ใช่แค่ Overstay เฉยๆ   เพียงแต่คนเขียนใช้คำว่าเคสไม่ถือวีซ่า เพราะตอนยื่นลูกความไม่ถือวีซ่าเท่านั้นเอง (การไม่ถือวีซ่า ก็มีที่มาแตกต่างกันไป)

เคส Partner visa ที่คนเขียนทำ มีทั้งเคสถือวีซ่าปกติ เคสถือวีซ่าติดปัญหาอื่นเช่น Health / Character / Sponsor ที่เคยสปอนเซอร์มาก่อนหรือสปอนเซอร์เกิน 2 คนแล้ว เคสวีซ่าขาด เคสถูกปฏิเสธวีซ่า เคสวีซ่าถูกยกเลิก รวมถึงเคสยำใหญ่ (ปัญหาหลายๆอย่างมารวมกัน เหนื่อยแต่สนุก ลูกความคงไม่สนุกด้วย แต่อย่างน้อยคนเขียนก็รับทำเคสละกัน)

15/04/2020
Q: เอกสาร police checks ต้องยื่นพร้อมสมัคร หรือ ต้องรอทางอิมขอมาคะ เห็นบางคนต้องขอ 2 รอบ เนื่องจากสถาณะการณ์โควิค 19  ทุกอย่างเลยด่วนและฉับพลันค่ะ จึงพยายามหาเอกสารเพื่อทำ visa partner  ถ้าเอกสารความสัมพันธ์มีน้อย หาเพิ่มหลังจากอิมขอมาได้ไหมคะ

A: สำหรับ Partner visa เอกสาร Police checks ยื่นตามหลังได้ค่ะ จะรออิมมิเกรชั่นขอ หรือไม่รอก็ได้

ถ้าผู้สมัครหรือสปอนเซอร์มีประวัติคดีอาญาหรือคิดว่าอาจจะมี ควรหาคำแนะนำที่ถูกต้องก่อนการยื่นใบสมัคร และถ้าเป็นไปได้ควรมี Police checks ก่อนยื่นนะคะ
 
เอกสารความสัมพันธ์สามารถยื่นเพิ่มเติมระหว่างรอการพิจารณาได้ค่ะ ไม่ต้องรออิมมิเกรชั่นขอนะคะ เพราะอิมมิเกรชั่นอาจจะปฏิเสธเลยโดยไม่ขอเอกสารความสัมพันธ์เพิ่มเติม (ถ้าตอนพิจารณาเคส เอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ยังไม่เพียงพอ)


25/02/2020
Q: รบกวนสอบถามเรื่องผลไอเอลค่ะ ตอนนี้ถือ 457 อยู่ กำลังจะหมดมิถุนานี้ (ได้ 457 ก่อนกฏเปลี่ยน 18 Apr 2017) สอบไอเอลไม่ได้สักทีค่ะ และคิดว่าคงได้ไม่ทัน คิดว่าจะ ต่อ 482 ดีหรือไม่   รบกวนสอบถามว่า 457 ผลไอเอลต้อง 6 ทุก Part แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น 482 ตามที่....  (??? ตามที่อะไรดีคะ น้องถามไม่จบ.... คาดว่าจะถามว่า 482 ต้องใช้ผลไอเอลเท่าไหร่)

A: ในกรณีนี้คิดว่าจะต่อ 482 ถ้าเป็นอาชีพที่อยู่ใน Short term list ระวังเรื่อง Genuine Temporary Entry (GTE) ด้วยนะคะ   

457 ในอดีตไม่ได้ต้องการ IELTS 6 ทุก Part นะคะ เข้าใจผิดหรือพิมพ์ผิดไม่แน่ใจ
482 Short term stream ใช้ผล IELTS 4.5 ทุก Part และ Overall 5
482 Medium term stream ใช้ผล IELTS 5 ทุก Part 
นอกจาก IELTS แล้ว ผลสอบ TOFEL iBT, PTE Academic, Cambridge C1 Advanced test และ OET ก็ใช้ได้ค่ะ
482 ยังใช้ผลการเรียนเป็นภาษาอังกฤษ 5 ปีในระดับ Secondary or Higher education เป็นข้อยกเว้นภาษาอังกฤษได้นะคะ 
   

5/02/2020
Q: แฟนเป็นชาวนิวซีแลนด์ เค้าต้องการจะยื่น PR ที่นี่ ทำงานเป็น sous chef at cafe Sydney แฟนมี cert 3 certificate for commercial cookery  รายได้แฟน $53900 3 ปีย้อนหลัง  สามารถยื่นวีซ่าได้ไหมค่ะ

A: ยังไม่ได้ค่ะ ต้องพิสูจน์ว่ามี Taxable income เท่ากับหรือมากกว่า Income threshold 4 ปีก่อนการยื่นใบสมัคร   (ซึ่ง Income threshold = $53,900 ตั้งแต่ปี 2013-14 แต่ในอนาคตอาจจะไม่ใช่เรทนี้) 

ใครสงสัยว่าคำถามนี้หมายถึงวีซ่าตัวไหน คำตอบคือ วีซ่า 189 New Zealand Stream

12/11/2019
Q: ตอนนี้ถือวีซ่า 482 (Temporary Skill Shortage) แต่บาดเจ็บและจะต้องรักษาตัวนานเกิน 60 วัน กังวลว่าจะถูกยกเลิกวีซ่าเพราะอิมมิเกรชั่นมีเงื่อนไขว่าห้ามหยุดงานเกิน 60 วัน

A: ห้ามหยุดงานเกิน 60 วันที่น้องพูดถึง คือเงื่อนไข 8607 ซึ่งติดมากับวีซ่า 482 (เฉพาะคนถือวีซ่าหลัก) ซึ่งไม่ได้หมายถึงหยุดงานเพราะป่วยนะคะ 

Keywords ของเงื่อนไข 8607 คือ "cease employment" ซึ่งหมายถึงการหมดสถานะการเป็นลูกจ้าง เช่นการถูกเลิกจ้าง หรือการลาออกจากงาน ซึ่งคนถือวีซ่านี้จะต้องหานายจ้างใหม่ที่พร้อมจะสปอนเซอร์เราภายใน 60 วัน

การลาป่วยไม่ใช่ cease employment คือน้องไม่ได้หมดสถานะการเป็นลูกจ้าง เพราะฉะนั้นไม่ได้ทำผิดเงื่อนไข 8607 นะคะ แต่ถ้าลาป่วยนานจนถูกเลิกจ้าง อันนี้อีกเรื่องนึง (ก็เริ่มนับ 60 วันได้เลยค่ะ)

18/03/2019
Q: วีซ่านักเรียนขาดมาได้ 3 วันแล้ว ไม่ทราบว่าจะยื่นใบสมัครวีซ่านักเรียนตัวใหม่ในประเทศออสเตรเลียได้หรือไม่

A: ยื่นได้ค่ะ ถ้ายื่นไม่เกิน 28 วันหลังวีซ่านักเรียนเดิมหมดอายุ แต่ทำได้แค่หนเดียวเท่านั้นนะคะ
    ถ้าเคยได้วีซ่านักเรียนจากการยื่นหลังจากที่วีซ่านักเรียนเดิมหมดอายุมาแล้ว ก็หมดสิทธิ์ค่ะ
   
    ป.ล. ยื่นได้ คืออิมมิเกรชั่นสามารถรับเรื่องได้ ...... แต่ยื่นได้ ไม่ได้แปลว่าจะได้วีซ่านะคะ มันคนละเรื่องกัน
    เช่น ถ้าอิมมิเกรชั่นเห็นว่าไม่ได้มีความตั้งใจที่จะเป็นนักเรียนจริงๆ ก็สามารถปฏิเสธวีซ่าได้ค่ะ

21/02/2019
Picture
Q: มีเรื่องอยากจะรบกวนปรึกษาเรื่องวีซ่า 407 ค่ะ
เมื่อปี 2017 เคยยื่นวีซ่า นร ของออสเตรเลียจากประเทศไทย แต่ไม่ผ่านค่ะ เลยไปเรียนโทที่ประเทศอื่นแทน จะเรียนจบปีนี้ค่ะ หลังจากเรียนจบมีความสนใจอยากจะยื่นเทรนนิ่งวีซ่า 407 ค่ะ ได้เข้าไปอ่านในเว็บไซต์ของอิมมิเกรชั่นออสเตรเลียแล้วมีข้อสงสัยตรงนี้ค่ะ










ข้อความตรงนี้คือ หมายถึงคนที่เคยโดนปฏิเสธวีซ่าจากการยื่นภายในประเทศออสเตรเลียห้ามสมัครวีซ่าตัวนี้ถูกไหมคะ 
 
A: ข้อความที่ตัดมาให้อ่าน คือมีหลายปัจจัยด้วยกันที่ประวัติการถูกยกเลิกหรือถูกปฏิเสธวีซ่า จะมีผลกับการยื่นวีซ่าครั้งต่อไป ถ้าให้อธิบายทุกแบบคงยาวมาก คนเขียนคงต้องหาเวลาเขียนเป็นโพสเลย ยังไงลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจากลิงค์ Check if visa cancellation affects your eligibility นะคะ
 
ถ้าประวัติของน้องมีอยู่เท่าที่ให้มา คือเคยมีการถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียนที่ยื่นที่ไทยหนึ่งครั้ง (ไม่มีอะไรนอกเหนือ) ถ้าสาเหตุการถูกปฏิเสธไม่ได้มาจากการยื่นเอกสารปลอมหรือให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง ก็ไม่น่าจะติดข้อห้ามอะไรในการยื่นวีซ่าตัวถัดไป

ถ้ามีประวัติมากกว่านี้ เช่นเคยอยู่เป็นผี overstayed visa มาก่อน เคยถูกยกเลิกวีซ่า ก็อาจจะมีปัญหาในการยื่นวีซ่าตัวถัดไปค่ะ


17/02/2019
Q: อยากเรียนปรึกษาค่ะคือว่าช่วงเมษาที่ผ่านมาลูกชายไปเยี่ยมพี่สาวไปออสเตเลียด้วยวีซ่าท่องเที่ยวแล้วพี่สาวแกให้เรียนภาษาที่นั่นและอยากให้น้องเรียนต่อป.ตรีจึงขอวีซ่านักเรียนให้น้องชายแต่กว่าเอกสารต่างๆจะครบและยื่นขอ ทำให้วันของวีซ่าท่องเที่ยวหมด คือผ่านไปแค่วันเดียว แต่ทางอิมก็ไม่อนุญาติให้ทำ ดังนั้นพี่สาวจึงไปขอบิดจิ้งและให้กลับไทยแต่เกินมาไม่ถึง28วัน จึงอยากจะเรียนปรึกษาว่าจะขอวีซ่าไปออสอีกจะมีทางทำได้ไหมคะ และตอนนี้ให้ลูกชายลงเรียนป.ตรีที่ไทยแล้ว แต่อยากกลับไปเยี่ยมพี่สาวเขาพร้อมพ่อและแม่ช่วงเมษาจะถึงนี้ วีซ่าจะมีปัญหาไหมคะ

A: ถ้ากลับไทยไม่เกิน 28วันนับแต่วีซ่าท่องเที่ยวหมดอายุ ก็ไม่ติดบาร์ค่ะ แต่ประวัติการอยู่เกินเวลา ก็คาดว่าจะมีผลกับการพิจารณา เจ้าหน้าที่ก็ต้องมาพิจารณาและชั่งน้ำหนักเอาว่าจุดประสงค์จะมาท่องเที่ยว/มาเยี่ยมจริงหรือไม่ และถ้าอนุญาติให้เข้าออสเตรเลียแล้ว จะกลับออกไปหรือไม่

11/02/2019
Q: คือว่าหนูเพิ่งเรียนจบป.โท วีซ่าที่ใช้อยู่เป็นวีซ่านักเรียน มาออสตั้งแต่ปี 2016ค่ะ วีซ่านักเรียนกำลังจะหมดวันที่ 15 มีนาคม 2019 ค่ะ อยากจะขอTR visa (post study work steam) ค่ะ แต่มีคำถามคือว่า หนูเคยมาเรียนภาษาที่ออสเตรเลียตอนเด็ก มาเรียนได้ 10 วีคแล้วก็กลับไทยค่ะ ตอนนั้นมา เดือนมีนาคม แล้วกลับไทยเดือนพฤษาคม ปี 2011 อยากจะทราบว่าแบบนี้สามารถสมัครTRได้มั้ยคะ การมาเรียนตอนปี2011ครั้งนั้นส่งผลกระทบ ทำให้ไม่สมารถสมัครTR วีซ่าหรือป่าว หรือว่าไม่เกี่ยวกันค่ะ

A:  Post study work steam มีเงื่อนไขว่าวีซ่านักเรียนที่สมัครและได้รับเป็นตัวแรกจะต้องเป็นตั้งแต่วัน 5 November 2011 เป็นต้นไป (This stream is only available if you applied for, and were granted, your first student visa to Australia on or after 5 November 2011.    If you held your first student visa prior to this date, even as a child on your parent’s student visa, then you will not be eligible to apply for this stream.)

ถ้าน้องมาเรียน 10 วีค เดือน March 2011 ด้วยวีซ่านักเรียน ก็จะติดเงื่อนไขนี้ค่ะ  น้องคงต้องลองดูเงื่อนไขของ Graduate Work Stream ว่ามีความเป็นไปได้หรือเปล่า

ถ้าตอนนั้นมาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว ก็ไม่มีผลกระทบ เพราะไม่ใช่วีซ่านักเรียน

Q: ตอนนี้ถือ 457 มีอายุถึง DD/MM/2020 ค่ะ  ตอนนี้กำลังจะยื่น PR เหลือแค่ผลสอบไอเอลค่ะ น่าจะได้ยื่นภายในเดือนธันวาคมนี้ค่ะ  ถ้าหากเรายื่น PR แล้ว เราก็จะเปลี่ยนเป็น Bridging A ใช่ไหมคะ  แล้วทีนี้คือ อยากทราบว่า ถ้าเราจะกลับไทยในระหว่างที่เราอยู่ใน bridging A นี้ ต้องขอ bridging B ไหมคะ พอดีซื้อตั๋วไว้ จะกลับไทย DD/MM/2019 ค่ะ ถามทนายแล้ว เค้าบอกว่า สามารถเข้าออกออสเตรเลียได้ โดยไม่ต้องขอ Bridging B ไม่ทราบจริงไหมคะ...พอดีถามเพื่อนคนอื่น ก็ให้ข้อมูลไม่ตรงกันค่ะ อย่างเช่น ถ้าเรายื่นขอ PR...วีซ่าเก่าเราก็จะยกเลิก
รบกวนด้วยนะคะ


A: เมื่อยื่นขอ PR ก็จะได้ Bridging visa A (BVA) ค่ะ แต่ BVA จะยังไม่มีผลเพราะน้องยังถือ 457 ถึง DD/MM/2020
ถ้ากลับไทยก่อนที่ 457 จะหมดอายุ ไม่ต้องขอ BVB (คือเข้าออกด้วยวีซ่า 457)
หลังจาก 457 หมดอายุ (ถ้ายังรอผล PR อยู่) น้องก็จะเข้ามาอยู่ใน BVA ก่อนออกนอกประเทศก็ต้องขอ BVB
การยื่นพีอาร์ไม่ได้ทำให้วีซ่าตัวเดิมถูกยกเลิกค่ะ

26/10/2018
Q: ถือวีซ่า 457 อยู่ (หรือวีซ่า 482 / TSS) แต่ถูกเลิกจ้าง ต้องทำยังไง

A: ลองหานายจ้างใหม่ดูค่ะ มีเวลา 60 วันก่อนที่อิมมิเกรชั่นจะพิจารณาว่าจะยกเลิกวีซ่าเราหรือไม่
ถ้า 457 ได้มาก่อนวันที่ 19 Nov 16 เปลี่ยนจาก 60 เป็น 90 วัน
หานายจ้างใหม่ได้แล้ว เริ่มงานใหม่เลยไม่ได้นะคะ ต้องรอให้นายจ้างใหม่ได้ Approved Nomination ก่อน
ถ้ามีวีซ่าอื่นที่อาจจะเหมาะสมกว่า ก็ควรจะรีบยื่นโดยเร็ว เพราะถ้าวีซ่าที่ถืออยู่ถูกยกเลิกก่อน อาจจะทำให้ยื่นไม่ได้

25/10/2018
Q: วีซ่าถูกปฏิเสธค่ะ จากการขอต่อวีซ่านักเรียน แล้วตอนนี้ยื่น AAT ไป แล้วถือ bridging A อยู่ อยากทราบว่ายังทำงานได้ปกติตามวีซ่านักเรียนไหมคะ

A: จากข้อมูลที่ให้มา ก็ควรจะทำงานได้ค่ะ
และแนะนำให้น้องเช็ค VEVO ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าวีซ่าที่ถืออยู่ไม่มี Condition: 'No Work' ติดอยู่

18/10/2018
Q: ช่วงที่ถือวีซ่า 457 นี้ ไม่ทราบว่ายังต้องจ่ายค่า Training Benchmarks ในทุกๆปีไหมคะ

A: ไม่ต้องแล้วค่ะ - นับจากวันที่ 12 สิงหาคม 2018 นายจ้างไม่มีหน้าที่ต้องจ่ายค่า Training Benchmarks อีกต่อไป เพราะมีการปรับใช้ Skilling Australians Fund (SAF) levy หรือ Nomination Training Contribution Charge (NTCC) ซึ่งเป็นการชำระเป็นเงินก้อนตอนยื่น Nomination แทน (รายละเอียดที่นี่ค่ะ) 

นายจ้างที่มีหน้าที่ต้องทำ Training Benchmarks ตามกฏเก่า ก่อนหน้าที่จะมีการยกเลิกในวันที่ 12 สิงหาคม 2018 ก็ยังคงต้องเก็บหลักฐานการทำ Training ไว้นะคะ

22/08/2018
Q: ในกรณีที่ยังไม่ได้ผลภาษาอังกฤษที่ต้องการสำหรับวีซ่า 187 ไม่ทราบว่าจะยื่นใบสมัครก่อน พอได้ผลภาษาอังกฤษแล้วค่อยส่งตามหลังได้หรือไม่

A: ไม่ได้ค่ะ ผลภาษาอังกฤษสำหรับวีซ่า 186 & 187 ต้องเป็นผลของการสอบก่อนการยื่นใบสมัคร

                                                                             13/07/2018
Q: มาด้วยวีซ่าท่องเที่ยว Multiple 1 ปี ต้องกลับทุก 3 เดือน จะยื่นวีซ่าคู่ครองที่ประเทศออสเตรเลียได้หรือไม่ และจะได้ Bridging visa หรือไม่

A: ถ้าวีซ่าท่องเที่ยวติด Condition 8503 "No further stay" ก็ยื่นวีซ่าคู่ครองที่ออสเตรเลียไม่ได้ค่ะ (เว้นแต่จะมีการขอยกเว้น Condition 8503 และอิมมิเกรชั่นได้อนุมัติแล้วก่อนการยื่นวีซ่าคู่ครอง)

ถ้าวีซ่าท่องเที่ยวไม่ติด Condition 8503 ก็สามารถยื่นวีซ่าคู่ครองในประเทศออสเตรเลียได้ค่ะ (ยื่นในระหว่างที่ถือวีซ่าท่องเที่ยวด้วยนะคะ ไม่ใช่อยู่เกินวีซ่าแล้วค่อยยื่น ปัญหาใหญ่จะตามมา) และเมื่อได้ยื่นวีซ่าคู่ครองแล้วก็จะได้ Bridging visa (วีซ่ารอ) เพื่อที่จะอยู่รอผลการพิจารณาวีซ่าคู่ครองที่ออสเตรเลีย โดยไม่ต้องกลับออกไปหรือไปๆมาๆทุก 3 เดือน

แล้วจะทราบได้ยังไงว่าวีซ่าท่องเที่ยวที่ให้อยู่ได้ 3 เดือน จะหมดวันที่เท่าไหร่  ----- เช็ค VEVO ค่ะ

4/06/2018
Q: กรณีถือวีซ่าท่องเที่ยว (multiple 3 ปี ) แล้วยื่นวีซ่านักเรียน onshore พอได้รับ bridging A อยู่ออสครบ 3 เดือน ต้องออกนอกประเทศมั๊ยคะ แล้วถ้าวีซ่านักเรียนออก วีซ่าท่องเที่ยวยังคงอยู่มั้ยคะ 

A: ถ้าวีซ่าท่องเที่ยวหมดอายุแล้วไม่กลับออกไป ก็จะเปลี่ยนมาถือ Bridging visa
    ถ้าวีซ่านักเรียนออก วีซ่านักเรียนก็จะมาแทนวีซ่าท่องเที่ยวค่ะ

Q: มาด้วย visa subclass 400 ต้องการอยู่ต่อ ถ้าขอ visa subclass 400 อีกครั้ง จะโดนปฎิเสธจากทาง immigration หรือไม่ และถ้าโดนปฎิเสธ จะมีผลกับการขอ 189 ในอนาคตของดิฉันไหม

A:  ถ้าเหตุผลดี หลักฐานดี วีซ่า 400 ก็มีโอกาสผ่านค่ะ
ถ้าวีซ่า 400 ถูกปฏิเสธ และถือ bridging visa อาจจะติด Section 48 Bar ทำให้ยื่นวีซ่า 189 ในประเทศออสเตรเลียไม่ได้ แต่ก็ยังยื่นแบบนอกประเทศได้

25/04/2018
Q: รบกวนสอบถามค่ะ
คือ ทางนายจ้างจะขอวีซ่า TSS ให้เพื่อทำงานในออสเตรเลียเป็นเวลาประมาณ 1 ปีค่ะ ทำหน้าที่ programmer ค่ะ ตัวดิฉันเองต้องการจะยื่นขอวีซ่า 189 ด้วยตัวเองด้วยค่ะ เลยอยากทราบว่า ถ้าเราถือ TSS หรือ เคยถือ TSS จะมีปัญหาในการยื่นขอ 189 ไหมคะ แล้ว ถ้าทำงานในออสเตรเลีย ครบ 1 ปี ด้วย TSS visa จะสามารถ add 5 points ในการขอ 189 ไหมคะ


A: ถือ TSS หรือ เคยถือ TSS ไม่มีปัญหาในการยื่นขอ 189 ค่ะ
    ทำงานในออสเตรเลีย ครบ 1 ปี ด้วย TSS visa จะสามารถ add 5 points ในการขอ 189 ได้ค่ะ แต่ Points รวม
    ของประสบการณ์การทำงานทั้งหมด (ไม่ว่าจะในหรือนอกประเทศออสเตรเลีย) จะได้มากสุดไม่เกิน 20 points

19/10/2017
Q: ตอนนี้ได้วีซ่า 457 2 ปี แต่กำลังจะเปลี่ยนนายจ้าง นายจ้างใหม่ไม่เคยสปอนเซอร์ใครมาก่อน จึงต้องทำ nomination, sponsor applications ใหม่ แล้วก็ค่า training ค่า adv ขอสอบถามเรื่องค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ว่า
1. จริงๆแล้วใครสมควรต้องเป็นเป็นคนรับผิดชอบ? เพราะเราไปคุยกับเขาเองว่าอยากย้ายมาร้านนี้ แล้วเขาเองก็ต้อง
    การคนทำงานด้วย เหมือนจะ win-win ทั้งสองฝ่ายแต่ก็รู้ว่ามันไม่ใช่คับ
2. การทำ transfer มา จริงๆแล้ว มีค่าใช้จ่ายมั้ยคับ


A: 1. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ถามมา นายจ้างมีหน้าที่จ่ายค่ะ
    2. ในกรณีที่ถามมา มีค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนของนายจ้างค่ะ
ค่า adv (???) - ถ้าหมายถึงค่าโฆษณา Labour Market Testing (LMT) ต้องดูด้วยว่าเข้าข้อยกเว้นหรือไม่ กฏหมายปัจจุบัน การ Nominate ลูกจ้างที่ถือพาสปอร์ตไทย นายจ้างไม่จำเป็นต้องทำ LMT

Q: ตอนนี้ผมถือวีซ่า 457 สปอนเซอร์ chef อยู่คับผมได้วีซ่าก่อนที่กฎใหม่จะเปลี่ยน แต่ผมอยากทราบว่า
1. อีกกี่ปีถึงจะขอยื่นพีอาร์ได้ ยึดตามกฎใหม่ 3 ปี หรือ กฎเก่า 2 ปีคับ
2. ตอนขอ 457 ผมสอบไอเอลได้ 5.5 แต่อยากทราบว่าตอนขอพีอาร์ ต้องสอบไอเอลใหม่มั้ยคับ เพราะตามกฎใหม่
    ต้องให้ได้ 6


A: 1. ยังไม่ทราบแน่ชัดนะคะ ต้องรออิมมิเกรชั่นประกาศอีกที 
    2. กฏใหม่ที่ว่า คือกฏปัจจุบันแล้วค่ะ IELTS ต้องได้ 6 ทุกพาร์ท (อิมมิเกรชั่นรับผลสอบอื่นด้วยนะคะ ลองไล่
        อ่านด้านล่าง)

13/10/2017
Q: ถ้าเราถือ Bridging visa B อยู่ในประเทศออสเตรเลียแล้ว สามารถอยู่ได้นานกี่ปี

A: อยู่ได้จนกว่าอิมมิเกรชั่นจะพิจารณาออกวีซ่าให้ ถ้าถูกปฏิเสธวีซ่า ก็จะถือ Bridging visa ต่อไปอีก 28 หรือ 35 วัน (แล้วแต่ว่า Bridging visa ที่ถืออยู่ออกให้ก่อนหรือหลังวันที่ 19 พฤศจิกายน 2016) แนะนำให้เช็ค VEVO ค่ะ ก็จะทราบว่า Bridging visa หมดเมื่อไหร่ ถ้ามีการยื่นอุทธรณ์ไปที่ AAT Bridging visa ก็จะยืดออกไป

12/10/2017
Q: ตอนนี้ถือวีซ่านักเรียน ซึ่งจะหมดอายุปี 2020 มีนายจ้างอยากจะสปอนเซอร์ในตำแหน่ง Web Administrator จะยื่นวีซ่า 457 ตอนนี้ หรือควรจะรอยื่นวีซ่า TSS หลังมีนาคม 2018 และถ้ายื่นวีซ่า 457 หรือ TSS ไม่ผ่าน จะต้องกลับไทยเลย หรือกลับมาเป็นวีซ่านักเรียนได้เลย

A: Web Administrator ตอนนี้อยู่ใน STSOL ไม่ว่าจะขอวีซ่า 457 หรือ TSS ก็จะได้วีซ่าระยะเวลา 2 ปี
จากข้อมูลที่มี ณ เวลานี้ วีซ่า TSS ในสาขาอาชีพใน STSOL ไม่สามารถต่อยอดไปเป็นพีอาร์ได้
ส่วนคนที่ถือวีซ่า 457 จะต่อยอดไปเป็นพีอาร์ได้หรือไม่หลังกฏเปลี่ยนเดือนมีนาคม 2018 อิมมิเกรชั่นเกริ่นๆว่าจะมี Transitional provisions ส่วนเงื่อนไขจะเป็นยังไง ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าจะทราบประมาณเดือนธันวาคม
ในกรณีที่ขอวีซ่า 457 หรือ TSS แล้วไม่ผ่าน และวีซ่านักเรียนยังไม่หมดอายุ น้องก็ยังคงอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้ด้วยวีซ่านักเรียนค่ะ

7/10/2017
Q: ตอนนี้ถือ Bridging visa A อยู่ แต่อยากกลับไทยไปเยี่ยมครอบครัว และร่วมงานแต่งงานน้องชาย เหตุผลแบบนี้จะขอ Bridging visa B ได้หรือไม่ และต้องขอล่วงหน้านานเท่าไหร่ แล้วจะเข้ามาอยู่ต่อประเทศนี้อีกจะได้ไหมคะ พอกลับมาแล้วก็มาถือ ฺBridging visa A ต่อใช่ไหมคะ หรือ Bridging visa A จะถูกยกเลิก

A: คิดว่าน่าจะได้ค่ะ ปกติแล้วอิมมิเกรชั่นไม่ค่อยปฏิเสธ Bridging visa B นะคะ อิมมิเกรชั่นแจ้งว่าควรขอล่วงหน้าระหว่าง 2 อาทิตย์ ถึง 3 เดือน ส่วนตัวคิดว่าล่วงหน้า 4 อาทิตย์กำลังดี กลับมาแล้วก็ถือ Bridging visa B ต่อไปค่ะ
ส่วนจะออกไปนอกออสเตรเลียได้อีกหรือไม่ หรือต้องขอ Bridging visa B ตัวใหม่ก่อนออกไป ดูวันที่ที่ระบุไว้ตรง Must not arrive after ถ้าคิดว่าออกไปแล้วจะกลับเข้ามาหลังวันที่ที่ระบุไว้ ก็ต้องขอใหม่ก่อนออกไปนะคะ

Q: ถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียนเพราะอิมมิเกรชั่นไม่ได้รับหลักฐานการเงิน ควรจะยื่นอุทธรณ์ หรือกลับไทยแล้วค่อยยื่นวีซ่ามาใหม่ และจะได้วีซ่าหรือไม่

A: ยื่นอุทธรณ์ก็จะได้อยู่ที่ออสเตรเลียต่อในระหว่างรอผลอุทธรณ์ ถ้าสามารถโชว์หลักฐานการเงินตามที่อิมมิเกรชั่นกำหนดได้ อุทธรณ์ก็น่าจะผ่าน ระยะเวลาการรอ +/- 1 ปี  กลับไทยแล้วค่อยยื่นมาใหม่จะเร็วกว่า เคสที่กลับไปเรื่องหลักฐานการเงิน และได้วีซ่ากลับมาอย่างรวดเร็วก็มีนะคะ แต่ก็มีความเสี่ยง เพราะถ้าอิมมิเกรชั่นปฏิเสธวีซ่าจะด้วยเหตุผลทางการเงินหรือเหตุผลอื่น เช่นไม่เชื่อว่าเราต้องการเป็นนักเรียนจริง ก็อาจจะไม่ได้กลับมา วีซ่านักเรียนยื่นแบบนอกประเทศจะไม่มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ไปที่ AAT นะคะ ต้องยื่นใหม่อย่างเดียว นอกจากจะพิสูจน์ได้ว่าการปฏิเสธของอิมมิเกรชั่นมีข้อผิดพลาดทางกฏหมาย ก็มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาล แต่ค่าใช้จ่ายสูงและรอผลการพิจารณานานค่ะ

13/09/2017
Q: ตอนนี้ถือ Bridging visa A จะต้องขอ Bridging visa B ล่วงหน้ากี่วัน ก่อนเดินทาง และอยู่นอกประเทศได้ถึงเมื่อไหร่

A: ข้อมูล ณ เวลานี้ อิมมิเกรชั่นระบุไว้ว่า ควรขอล่วงหน้าอย่างน้อย 2 อาทิตย์ แต่ไม่เกิน 3 เดือน (คนเขียนคิดว่าขอล่วงหน้าอย่างน้อย 4 อาทิตย์ กำลังดีค่ะ) - ในจดหมายอนุมัติ Bridging visa B จะมี Must not arrive after "วันที่"  เอาไว้ ก็ต้องกลับเข้ามาในประเทศออสเตรเลียภายในวันที่ๆระบุไว้

Q: ต้องการยื่นขอวีซ่า 485 แต่ยังไม่มีผลภาษาอังกฤษ จะยื่นขอวีซ่าก่อน แล้วค่อยลองสอบไปเรื่อยๆ พอได้ผลที่ต้องการแล้ว ค่อยยื่นตามเข้าไปได้หรือไม่

A: ไม่ได้ค่ะ ผลภาษาอังกฤษที่ใช้ได้ จะต้องมาจากการสอบก่อนการยื่นขอวีซ่า 485 และมีอายุไม่เกิน 3 ปี

Q: ถูกปฏิเสธวีซ่านักเรียน ตอนนี้ถือ Bridging visa A ซึ่งจะหมดอายุ 35 วันนับจากที่ได้รับแจ้ง พอยื่นอุทธรณ์ที่ AAT ไปแล้ว จะต้องรอกี่วันถึงจะไปยื่นขอต่อ Bridging visa A กับอิมมิเกรชั่นได้

A: ไม่ต้องรอ และไม่ต้องขอค่ะ หลังจากที่ยื่นอุทธรณ์แล้ว ทาง AAT และอิมมิเกรชั่นจะติดต่อกันเองค่ะ และ Bridging visa A ตัวเดิมที่ถืออยู่ ก็จะมีการอัพเดท โดยเปลี่ยน ฺฺBridging visa A ที่มีวันหมดอายุ เป็น indefinite แบบไม่มีวันหมดอายุ  (เพื่อรอการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์)                                                   

Q: วีซ่า 457 จะหมดอายุเดือนเมษายน 2018 แต่ยังไม่ได้ภาษาอังกฤษสำหรับยื่นพีอาร์ จะขอต่อวีซ่า 457 อีกได้หรือไม่

A: เดือนมีนาคม 2018 วีซ่า 457 จะถูกยกเลิก และจะมีการปรับใช้วีซ่าตัวใหม่แทน คือวีซ่า Temporary Skills Shortage (TSS)

Q: น้องสาวถูกปฏิเสธวีซ่าและติด PIC4020 เพราะแจ้งในใบสมัครว่าไม่เคยถูกปฏิเสธวีซ่า แต่จริงๆแล้วเคยถูกปฏิเสธวีซ่ามาก่อน เคสของน้องสาวจะมีผลกระทบกับพี่สาวที่กำลังยื่นขอพีอาร์หรือไม่

A: เป็นเรื่องเฉพาะตัวของน้องสาว คาดว่าจะไม่มีผลกระทบกับวีซ่าของพี่สาว เพราะอิมมิเกรชั่นพิจารณาวีซ่ากันเป็นรายบุคคลค่ะ

Q: สอบภาษาอังกฤษไม่ผ่านซะที ควรทำยังไงดี

A: เดี๋ยวนี้ไม่ได้มีแค่ IELTS แล้วนะคะ มี PTE Academic, TOEFL iBT, CAE และ OET (อันนี้สำหรับ Healthcare workers เช่นหมอ พยาบาล)

ถ้าสอบ IELTS ไม่ได้ผลที่ต้องการซะที ก็อาจจะลองเปลี่ยนมาสอบอย่างอื่นดูนะคะ  เข้าคอร์สติวเข้มก็อาจจะช่วยได้ คอร์สติวเข้มส่วนใหญ่ไม่ได้สอนแกรมม่านะคะ สอนเทคนิคการทำข้อสอบ สอนการใช้เวลา (ที่มีอยู่อย่างจำกัดในการทำข้อสอบ) ให้เป็นประโยชน์สูงสุด เช่นแต่ละข้อควรใช้เวลากี่นาที เป็นต้น

อีกอย่างที่จะช่วยได้ คือการเอาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บังคับให้เราต้องใช้ภาษาอังกฤษ เช่นคลุกคลีกกับเพื่อนต่างชาติ ทำงานที่ต้องสื่อสารเป็นภาษาอังกฤษ อ่านนิยาย/หนังสือพิมพ์ที่เป็นภาษาอังกฤษ ฟังวิทยุ/ฟังเพลงเป็นภาษาอังกฤษ ฝึกสำเนียงโดยการพูดตามนักอ่านข่าวในทีวี พูดกับเพื่อนคนไทยเป็นภาษาอังกฤษก็ได้ อยู่ที่ไหนก็พัฒนาตัวเองได้ ถ้าอยากจะทำ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

ถาม-ตอบ COVID-19 กับผลกระทบต่อวีซ่า

28/3/2020

 
โพสนี้ คนเขียนรวบรวมคำถามที่น้องๆถามเข้ามาเกี่ยวกับผลกระทบกับวีซ่าจาก COVID-19 นะคะ

Original post: 28 March 2020 ตัวหนังสือสีเทาอ่อน
Update 1: 4 April 2020 ตัวหนังสือสีน้ำเงิน          



ถือวีซ่าท่องเที่ยว ไม่ติด 8503 (No further stay condition)

===>>  ยื่นขอต่อวีซ่าท่องเที่ยว หรือมีวีซ่าตัวอื่นที่เรามีคุณสมบัติถึงก่อนวีซ่าตัวเดิมหมดอายุ


ถือวีซ่าที่ติด No further stay condition : 8503, 8534 หรือ 8535

===>>  ยื่นขอยกเว้นเงื่อนไข No further stay แต่เนิ่นๆ 2 เดือนก่อนวีซ่าตัวเดิมหมดอายุ เพราะระยะการพิจารณาต้องใช้เวลาพอสมควร

===>> เมื่ออิมมิเกรชั่นยกเว้นเงื่อนไข ก็สามารถยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวหรือวีซ่าตัวอื่นที่เรามีคุณสมบัติถึง

===>> ยื่นขอวีซ่าตัวใหม่ก่อนได้รับยกเว้นเงื่อนไข = Invalid application 


ถือวีซ่า 457 หรือ 482 แต่นายจ้างให้หยุดงานชั่วคราว เพราะธุรกิจต้องปิดให้บริการตามรัฐบาลกำหนด

===>>  ใช้ Annual leave (paid leave) ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ใน Employment Contract นอกจากจะยังมีรายได้แล้ว ยังสามารถนับเวลาสำหรับการยื่น PR ได้ด้วย

===>>  นายจ้างให้หยุดแบบไม่จ่ายค่าจ้าง (stand down) หรือมีการทำ Leave without pay ควรมีการทำบันทึกไว้ด้วยนะคะเผื่ออิมมิเกรชั่น (Monitoring Unit) มาตรวจในภายหลัง อย่าลืมว่านายจ้างมีหน้าที่ต้อง Keep records

===>> ตามนโยบายของอิมมิเกรชั่น Leave without pay 3 เดือนไม่น่าจะมีปัญหา โน๊ตว่าตอนนี้อิมมิเกรชั่นใช้ Flexible approach (ยืดหยุ่นให้ตามสถานการณ์ของแต่ละเคส ย้ำที่ขีดเส้นใต้) ซึ่ง ณ จุดนี้ยังไม่ชัดเจนว่า Flexible approach คือแค่ไหน ยังไงบ้าง  โน๊ตว่าระยะเวลาที่ใช้ Leave without pay โดยปกติจะนับเป็นเวลาสะสมสำหรับการยื่น PR ไม่ได้นะคะ (ถ้านโยบายเปลี่ยน หรือมีอัพเดทอะไร ก็จะมาอัพเดทให้ทราบที่โพสนี้)

===>>  สามารถนับเวลาระหว่างหยุดงานชั่วคราวสำหรับการยื่น PR ได้ ไม่ว่าจะหยุดแบบได้รับหรือไม่ได้รับค่าจ้าง

===>>  รัฐอนุญาตให้ถอนเงินจาก Superannuation fund ได้ $10,000 สำหรับปีภาษีนี้


ถือวีซ่า 457 หรือ 482 แต่นายจ้างให้หยุดงานชั่วคราว เพราะธุรกิจต้องปิดให้บริการตามรัฐบาลกำหนด สามารถทำงานที่อื่นในระหว่างที่นายจ้างให้หยุดงานได้ไหม

===>>  ตามกฏหมายแล้วไม่ได้ค่ะ  สำหรับวีซ่า 457 ผิดเงื่อนไข 8107  ส่วนวีซ่า 482 ผิดเงื่อนไข 8607
คือนายจ้างใหม่ต้องมี Approved Nomination ก่อน เราถึงจะทำงานได้โดยไม่ผิดเงื่อนไขวีซ่า พอนายจ้างเดิมเรียกตัวกลับไปทำงาน นายจ้างเดิมก็ต้องทำ Nomination ใหม่และรอ Approve ก่อน เราถึงจะกลับไปทำงานได้ค่ะ

===>>  แล้วจะอยู่ยังไง ยังต้องกินต้องใช้ ยังมีค่าใช้จ่าย นั่นแหละคือปัญหา ซึ่งอิมมิเกรชั่นทราบ และคนเขียนคาดว่า (wishful thinking) อิมมิเกรชั่นจะมีประกาศแนวทางที่ยืดหยุ่นในประเด็นนี้เร็วๆนี้ค่ะ  (ถ้ามีความคืบหน้า จะมาอัพเดทให้ที่โพสนี้นะคะ)
  
===>>  รัฐอนุญาตให้ถอนเงินจาก Superannuation fund ได้ $10,000 สำหรับปีภาษีนี้


ถือวีซ่า 457 หรือ 482 แต่นายจ้างเลิกจ้างถาวร

===>>  หางานใหม่ที่นายจ้างพร้อมจะสปอนเซอร์และยื่น Nomination application ภายใน 60 วัน 

===>>  ตอนนี้อิมมิเกรชั่นใช้ Flexible approach (ยืดหยุ่นให้ตามสถานการณ์ของแต่ละเคส) อาจจะยืดหยุ่นในเรื่องเวลา แต่ก็ยังไม่มีประกาศออกมา เพราะฉะนั้น พยายามหานายจ้างใหม่ให้ได้ภายใน 60 วัน  ถ้าหาไม่ได้ ก็ไปลุ้นกับ Flexible approach ของอิมมิเกรชั่นเอาดาบหน้าค่ะ

===>>  รัฐระบุว่าถ้าถูกเลิกจ้างและหาสปอนเซอร์ใหม่ไม่ได้ภายในเงื่อนไข 60 วัน ก็ควรจะกลับออกไปค่ะ (คือยังไม่มีความยืดหยุ่นในส่วนนี้) 

===>>  ถ้ามีการ Re-employed หลังจากเรื่อง COVID-19 จบลง ก็สามารถนับเวลาการทำงานในประเทศออสเตรเลียสำหรับการยื่น PR ได้ (โน๊ตว่าตอนนี้คนเขียนไม่แน่ใจว่าหมายถึงการ Re-employed โดยนายจ้างเดิมเท่านั้น หรือนายจ้างใหม่ก็สามารถนับเวลาได้ด้วย รอประกาศเพิ่มเติมค่ะ)



ถือวีซ่า 457 หรือ 482 แต่นายจ้างลดชั่วโมงการทำงาน และลดค่าจ้าง

===>>  จริงๆแล้วทำไม่ได้นะคะ เพราะ 457 และ 482 เป็นวีซ่าที่นายจ้างสปอนเซอร์มาทำงาน full-time ในตำแหน่งที่ขาดแคลน

===>>  ตอนนี้ยังไม่มีประกาศจากอิมมิเกรชั่นที่จะยกเว้นเงื่อนไข full-time แต่คนเขียนคิดว่า (wishful thinking อีกแล้ว) อิมมิเกรชั่นน่าจะประกาศแนวทางที่ยืดหยุ่นในประเด็นนี้เร็วๆนี้ เพราะเป็นสถานการณ์ที่ธุรกิจส่วนใหญ่จะต้องเลือกระหว่างลดชั่วโมง ลดค่าจ้าง vs หยุดงานแบบไม่มีค่าจ้าง vs เลิกจ้าง

===>>  ถ้านายจ้างไม่มีทางเลือกและจำเป็นที่จะต้องลดชั่วโมงการทำงานและลดค่าจ้าง อย่างนึงที่ควรจะต้องทำให้ได้ คือจ่ายค่าจ้างในเรทที่ถูกต้องในลักษณะ Pro-rata คือเคยจ่ายชั่วโมงละเท่าไหร่ตอนทำงาน full-time ก็จ่ายชั่วโมงละเท่าเดิม ไม่มีการลดเรทค่าแรงนะคะ 

===>>  นายจ้างสามารถลดชั่วโมงการทำงานได้โดยไม่ผิด Sponsorship obligations และลูกจ้างก็ไม่ผิดเงื่อนไขวีซ่า 


ถือ Bridging visa A ระหว่างรอผลการพิจารณาวีซ่า 186 แต่นายจ้างให้หยุดงานชั่วคราวแบบไม่จ่ายค่าจ้าง เพราะธุรกิจต้องปิดให้บริการตามที่รัฐบาลกำหนด

===>>  ไม่มีปัญหาค่ะ ธุรกิจเปิดเมื่อไหร่ก็กลับไปทำต่อนะคะ

===>>  รัฐอนุญาตให้ถอนเงินจาก Superannuation fund ได้ $10,000 สำหรับปีภาษีนี้


ตอนนี้ยื่นใบสมัครวีซ่าถาวร หรือวีซ่า 820 (Stage1 Partner visa) ไปแล้ว อยู่ระหว่างรอการพิจารณา

===>>  ขอ Medicare ได้ค่ะ ไม่จำเป็นต้องรอให้วีซ่าเดิมหมดอายุ ยื่นใบสมัครเรียบร้อยก็ยื่นขอ Medicare ได้เลยค่ะ

===>> ขอ Stimulus package จาก Centrelink ไม่ได้ เพราะเป็นสิทธิ์ของคนที่ถือพีอาร์ หรือเป็น Australian citizen เท่านั้น

===>>  ตอนนี้มีหลายๆหน่วยงานพยายามล๊อบบี้ให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือคนที่ถือวีซ่าชั่วคราวด้วย แต่ยังไม่มีนโยบายอะไรออกมานะคะ

===>>  รัฐอนุญาตให้ถอนเงินจาก Superannuation fund ได้ $10,000 สำหรับปีภาษีนี้


ตอนนี้ถือวีซ่าทำงาน 491, 494 (Regional visas)

===>>  ขอ Medicare ได้ค่ะ  แต่ขอ Stimulus package จาก Centrelink ไม่ได้ (อ่านข้างบนนะคะ)

===>>  รัฐอนุญาตให้ถอนเงินจาก Superannuation fund ได้ $10,000 สำหรับปีภาษีนี้


ตอนนี้อยู่ที่ออสเตรเลีย แต่วีซ่าหมดอายุไปแล้ว

===>>  ติดต่อขอคำแนะนำค่ะ อาจจะยังมีวีซ่าที่สามารถยื่นได้

===>>  ถ้าต้องการแค่รอเวลาสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย กลับไทยได้เมื่อไหร่ก็จะกลับและไม่ได้คิดที่จะขอวีซ่าอื่น ติดต่ออิมมิเกรชั่นเพื่อขอ Bridging visa E เพื่อที่จะอยู่ที่นี่ได้อย่างถูกกฏหมายในระหว่างรอ


ตอนนี้อยู่ประเทศไทย แต่กลับมาที่ออสเตรเลียไม่ได้ และ Bridging visa B หมดอายุ

===>>  Bridging visa B ต่ออายุไม่ได้ และไม่สามารถสมัครได้ถ้าอยู่นอกประเทศออสเตรเลีย เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย อาจจะลองยื่นใบสมัครวีซ่าท่องเที่ยว หรือวีซ่าอื่นที่มีคุณสมบัติถึง


ตอนนี้อยู่ประเทศไทย ถือวีซ่านักเรียน แต่กลับเข้ามาไม่ได้

===>>  ติดต่อโรงเรียน หรือ Education Agent เพื่อทำเรื่องขอ Defer คอร์ส

===>>  ถ้าวีซ่านักเรียนหมดอายุในระหว่างที่อยู่ไทย เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย ก็ต้องยื่นใบสมัครเพื่อขอวีซ่านักเรียนตัวใหม่ค่ะ


ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ชั้นอุทธรณ์ AAT จะต้องรออีกนานไหม

===>>  AAT ยังพิจารณาเคสอยู่นะคะ การ Hearing ก็จะเป็นทางโทรศัพท์ หรือ Video link แทน ความล่าช้า (จากที่ปกติก็ล่าช้าอยู่แล้ว) ก็เป็นอะไรที่เข้าใจได้นะคะ เพราะต้องปรับเปลี่ยนหลายอย่างให้เหมาะสมกับสถานการณ์ COVID-19 แต่อย่างน้อย AAT ก็ยังไม่ได้มีประกาศหยุดการพิจารณา


ป.ล. มีหลายคำถามที่คนเขียนก็ไม่มีคำตอบให้นะคะ ต้องรอรัฐบาลหรืออิมมิเกรชั่นประกาศเพิ่มเติม ก็ตอบให้เท่าที่ตอบได้ และจะมาอัพเดทให้เมื่อมีข้อมูลเพิ่มเติม  คำถามเกี่ยวกับ Centrelink รบกวนถามหน่วยงานโดยตรงนะคะ


Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

แชร์ประสบการณ์ ความสำคัญของความเห็นที่สอง

24/1/2019

 
เคสนี้เป็นเรื่องของลูกความแถบยุโรบคู่หนึ่งที่มาด้วย Working Holiday visa และทำวีซ่า 457 กับเอเจนต์อื่น

ลูกความติดต่อมาหาคนเขียนครั้งแรกกลางปี 2016 Standard Business Sponsorship (SBS) application          ถูกปฏิเสธเพราะเอเจนต์คำนวนค่าเทรนนิ่งผิด เอเจนต์แนะนำให้ยื่นอุทธรณ์ คนเขียนแนะนำให้ยื่นเรื่องใหม่เข้าไปที่อิมมิเกรชั่น เพราะเป็นประเด็นที่แก้ไขได้ และยื่นใหม่เร็วกว่ายื่นอุทธรณ์แน่นอน ลูกความอยากเปลี่ยนมาให้คนเขียนดูแล แต่นายจ้างยังมั่นคงกับเอเจนต์เดิม (ปัญหาโลกแตก ต้องปล่อยให้นายจ้างลูกจ้างตกลงกันเอาเอง)

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ลูกความติดต่อมาอีกครั้งเมื่อธันวาคม 2018 และจะให้คนเขียนยื่นขอพีอาร์ให้

คนเขียนก็คิดว่าลูกความต้องการต่อยอดจาก 457 เป็นวีซ่าพีอาร์ 186 .... คือดูจากเวลาแล้วน่าจะใช่ น่าจะถือ 457 (เข้ากฏเก่า) มาแล้ว 2 ปี

ปรากฏว่าความเป็นจริงห่างไกลจากที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ ที่หายไป 2 ปีกว่า คนเขียนวิเคราะห์ได้ตามข้างล่าง คือต้องวิเคราะห์เองจากเอกสาร เพราะถามอะไรลูกความก็ทำหน้างงๆ --- คืองงอะไร ไม่เข้าใจ จะว่าภาษาไม่ดีก็ไม่ใช่ เพราะภาษาอังกฤษเป็นภาษาเกิด ....... สรุปว่าเพราะเอเจนต์ไม่เคยอธิบายอะไรเลย ....และลูกความก็เกรงใจ ....... ไม่กล้าถาม!!!! .....เอกสารที่คนเขียนขอไป ตอนแรกก็ไม่มีให้ คือเกรงใจไม่กล้าขอจากเอเจนต์ จนคนเขียนต้องบอกว่าถ้าไม่มีเอกสารก็ไม่ต้องมา หมดปัญญาช่วย .... คือจะให้นั่งเทียนหรือไง ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ขออะไรก็ไม่มี

สรุปว่าเคสนี้

1. SBS ที่แนะนำให้ยื่นใหม่ ผ่านไปได้ด้วยดี
2. Nomination ไม่ผ่าน และตอนนี้เรื่องอยู่ที่ชั้นอุทธรณ์
3. วีซ่า 457 ก็แน่นอน..ไม่ผ่าน (เพราะ Nomination ไม่ผ่าน) และเรื่องอยู่ที่ชั้นอุทธรณ์เหมือนกัน (และเอเจนต์ก็ยื่นใบสมัครวีซ่าเลท คือหลังวันที่ 18 April 2017 ต่อให้ลูกความได้วีซ่า ก็เข้ากฏใหม่ อาชีพ STSOL ต่อยอดจาก 457 ไปพีอาร์ไม่ได้)

ที่หนักกว่านั้นคือเช็ค VEVO แล้วไปเจอว่าจากที่เคยถือ Bridging visa B (BVB) อยู่ กลายเป็นตอนนี้ไม่มีวีซ่า

..... สรุปว่าสองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าคนเขียนไม่มีวีซ่า!!!!!  แต่ต้องการยื่นพีอาร์ (แบบในประเทศออสเตรเลียด้วยนะ)

..... เอิ่ม......แก้ปัญหาสำคัญก่อนดีไหม ..... ทำไมอยู่ๆถึงไม่มีวีซ่า

เหมือนเดิมค่ะ ลูกความตอบไม่ได้ ตอบได้แต่ว่าหลังจากที่เช็ค VEVO เองแล้วเจอว่าไม่มีวีซ่า ก็รีบบอกเอเจนต์       เอเจนต์ก็รีบยื่นเรื่องขอ Bridging visa E (BVE) ให้   ตอนนี้คือกำลังรออิมมิเกรชั่นออก BVE ให้

คนเขียนก็ .... เอะ .... แล้วมันใช่เหรอ .... จากที่ถือ BVB อยู่ดีๆ ไปเป็นผีได้ยังไง????

..... คนทำงานด้านนี้ต้องถามคำถามนี้ซิคะ จะหลับหูหลับตายื่น BVE ให้ลูกความโดยไม่หาคำตอบได้ยังไง และประวัติลูกความก็เสียไปจากการอยู่แบบไม่ถือวีซ่า .... มันใช่เหรอ

ถ้ามันมีเหตุผลอันสมควร มีที่มาที่ไปทำให้กลายเป็นคนไม่มีวีซ่า ก็ต้องยอมรับสภาพ
แต่จากที่คนเขียนสัมภาษณ์ลูกความ และวิเคราะห์จากเอกสาร คนเขียนไม่เจอเหตุอะไรเลยที่อยู่ๆลูกความจะกลายเป็นผี ไม่มีวีซ่า คือค่อนข้างมั่นใจว่าต้องมีความผิดพลาดอะไรบางอย่างเกิดขึ้น และลูกความควรจะยังถือ BVB อยู่

แต่....เนื่องจากคนเขียนก็ไม่ใช่เอเจนต์ที่ดูแลลูกความ จะมาฟันธง รู้ดีไปกว่าเจ้าของเคสได้ยังไง (ใช่ไหม?)
คนเขียนเลยแนะนำให้ลูกความเป็นกบฏกับเอเจนต์!   เอ้ย....ไม่ใช่...
.... แนะนำให้ถามเอเจนต์ถึงเหตุผลที่มาที่ไปของการที่อยู่ๆลูกความไม่มีวีซ่า ถ้าหาเหตุผลมาอธิบายไม่ได้ ก็ต้องไปสู้รบกับอิมมิเกรชั่นเอา BVB คืนมาให้ลูกความ ไม่ใช่ไปสมัคร BVE ให้ลูกความ (BVE คือวีซ่าตัวที่แย่ที่สุดในบรรดา BV ทั้งหมด ถ้าเรามีสิทธิ์ถือ BV ที่ดีกว่า ทำไมจะยอมถือ BVE - อ่านเรื่อง BV ต่างๆได้ที่นี่)

ลองนึกเล่นๆถึงสถานะของลูกความในกรณีที่ถือ BVB vs BVE ดูนะคะ

การกลับมาถือ BVE แน่นอนว่าเปลี่ยนสถานะจากผี เป็นมีวีซ่า .... สำหรับเอเจนต์เป็นทางออกที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำ Research ไม่ต้องไปนั่งทบทวนประวัติลูกความ ไม่ต้องไปง้างกับอิมมิเกรชั่น .... แต่ผลกระทบต่อลูกความตามมาแบบยาวๆ  เพราะตอนนี้ลูกความติด section 48 จากการถูกปฏิเสธวีซ่า 457 ทำให้ยื่นพีอาร์ในประเทศไม่ได้ จะออกไปยื่นพีอาร์แบบนอกประเทศแล้วกลับมารอเรื่องในประเทศก็ไม่ได้ เพราะ BVE ออกไปได้ กลับเข้ามาไม่ได้ ก็ต้องรอผลวีซ่าอยู่นอกประเทศเท่านั้น ลองนึกต่อว่าถ้าวีซ่าพีอาร์ไม่ผ่าน และต้องการจะขอวีซ่าชั่วคราวเพื่อกลับมา ก็คาดว่าจะติดบาร์ 3 ปี จากประวัติที่เคยอยู่แบบไม่มีวีซ่านั่นเอง)  ..... อีกทางเลือกนึง ก็คือต้องรอจน Nomination ที่ชั้นอุทธรณ์ผ่านและได้วีซ่า 457 ก่อนค่อยยื่นพีอาร์แบบในประเทศ ... แล้วถ้า Nomination ไม่ผ่าน ไม่ได้วีซ่า 457 ล่ะ (ย้อนกลับไปอ่านย่อหน้านี้อีกรอบค่ะ)

การกลับมาถือ BVB แน่นอนลูกความยังติด section 48 จากการถูกปฏิเสธวีซ่า 457 .... แต่ก็สามารถบินออกไปเพื่อยื่นพีอาร์แบบนอกประเทศและกลับมารอพีอาร์ในประเทศได้ในระหว่างที่รอผลอุทธรณ์ของ 457 .... ในกรณีที่วีซ่า 457 ไม่ผ่าน หรือวีซ่าพีอาร์ไม่ผ่าน .... ลูกความก็ยังมีสิทธิ์ยื่นขอวีซ่าชั่วคราวตัวอื่นเพื่อจะกลับเข้ามาในประเทศออสเตรเลียได้โดยไม่ติดบาร์ 3 ปี (เพราะไม่เคยมีประวัติเป็นผีมาก่อน)

โพสนี้แอดวานซ์นิดนึง อ่านแล้วงงก็ไม่แปลก ...... ถ้าอ่านแล้วเข้าใจหมดเลย ก็เก่งมากค่ะ แสดงว่าเข้าใจกฏหมายอิมมิเกรชั่นได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว

สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ การมีเอเจนต์หรือทนายความดูแลเคสให้เราเป็นเรื่องที่ดี แต่หัดตั้งคำถาม หัดวิเคราะห์เองด้วย ถ้าไม่แน่ใจในแนวทาง ก็หาความเห็นที่สองค่ะ ชีวิตเป็นของเรา เราต้องดูแลชีวิตและอนาคตของตัวเองด้วย

เคสนี้ ลูกความโทรมาขอบคุณที่อธิบายจนเค้าเข้าใจเคสตัวเองและฮึดไปไฟท์กับเอเจนต์ จนเอเจนต์ต้องถอน BVE application  และไฟท์กับอิมมิเกรชั่นจนได้ BVB คืนมาในที่สุด (ถือวีซ่าผิด  ชีวิตเปลี่ยนนะคะ)   ..... ส่วนวีซ่าพีอาร์ที่ลูกความต้องการยื่น เราก็หาทางจนได้ค่ะ (457 ต่อยอดไปพีอาร์ ...ไม่ใช่คำตอบสำหรับทุกคน ...ไม่ง้อก็ได้)

.... รู้ไว้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม .... มีประโยชน์ โปรดแชร์ ....

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

แชร์ประสบการณ์ เคสอุทธรณ์ AAT Review application

11/7/2018

 
เมื่อสองสามวันมานี้ คนเขียนนั่งเตรียมเคส เตรียมลูกความสำหรับ AAT Hearing ในวันพรุ่งนี้

วีซ่าของน้องถูกปฏิเสธเพราะเอเจนต์เดิมไม่เข้าใจข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องอย่างแท้จริง และให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเข้าไปที่ชั้นอิมมิเกรชั่น (ด้วยความเข้าใจผิดในข้อกฏหมาย)

ตอนน้องติดต่อมา เราเริ่มด้วยการทำ Consultation (คือการให้คำปรึกษาเบื้องต้น) เพื่อที่คนเขียนจะได้อ่านคำ
ตัดสินของอิมมิเกรชั่น และสัมภาษณ์น้องเพื่อที่จะดูความเป็นไปได้ของเคส คือพยายามหาแนวทางแก้ไขเคส
เบื้องต้น ... ซึ่งจากการสัมภาษณ์น้อง คนเขียนเชื่อว่าเคสมีความเป็นไปได้สูง อยู่ที่ว่าเราจะพยายามนำเสนอให้ AAT เห็นตามเราได้ยังไง ในเมื่อ AAT ก็มีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องที่เอเจนต์ยื่นเข้าไปก่อนหน้านี้ที่ชั้นอิมมิเกรชั่น

เริ่มแรกเลย... คนเขียนก็พยายามอธิบายเคสให้น้องฟังว่ามันเป็นเคสที่มีความเป็นไปได้อยู่นะ แต่เนื่องจากว่าเคสนี้เกี่ยวข้องกับคอนเซ็ปทางข้อกฏหมายและการตีความทางกฏหมาย พยายามอธิบายให้ง่ายยังไง คนฟังก็ยังงงอยู่ดี คือเหมือนจะเข้าใจแต่เข้าใจไม่ทั้งหมด ก็ขนาดเอเจนต์เองยังไม่เข้าใจ คนเขียนก็ไม่คาดหวังว่าน้องจะเข้าใจเคสตัวเองได้อย่างถ่องแท้

ในเคสนี้ถึงแม้คนเขียนจะเชื่อว่าเคสมีความหวังสูงอยู่ ก็ไม่กล้าให้ความหวังน้องมาก เพราะการไป AAT ไม่ได้มีแค่การยื่นเอกสาร แต่มี Hearing ด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ต้องไปที่ AAT และถูกซักถามมากมาย บางคนก็ทำได้ดี บางคนก็ทำได้ไม่ดี บางคนเคสดีแต่สื่อสารได้ไม่ดี บางคนความจำเสื่อมขึ้นมากระทันหัน (คือสมองว่างเปล่าด้วยความตื่นเต้น)

เคสนี้น้องและคนเขียนอยู่คนละรัฐ แต่เราติดต่อกันเป็นระยะๆ น้องโทรถามโทรอัพเดทชีวิตให้ฟัง  เรามีการคุยกันเรื่องการเตรียมเอกสารเพื่อยื่นเพิ่มเติม และเรามีการยื่นเอกสารเพิ่มเติมล่วงหน้าก่อน Hearing รวมถึงข้อสรุปทางกฏหมายเพื่อจะช่วยเคสของน้องด้วย  (ป.ล.วิธีการทำงานและวางแผนเคสอุทธรณ์ในแต่ละเคสก็ไม่เหมือนกันนะคะ คนเขียนดูหน้างาน และก็มานั่งคิด นอนคิด ตีลังกาคิดว่าเราจะเดินเคสแต่ละเคสยังไง)

เมื่อวานและวันนี้เราอยู่ในระหว่างเตรียมน้องให้พร้อมไป Hearing .... ซึ่งในความเป็นจริง ไม่มีลูกความคนไหนพร้อมจริงๆ... ส่วนใหญ่ไม่เคยไป AAT มาก่อนและตื่นเต้น บวกกับความกังวลเรื่องภาษา (ซึ่งคนเขียนขอย้ำว่าขอล่ามได้นะคะ ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยค่ะ) 

เคสนี้เป็นเคสที่โชคดีมากค่ะ เนื่องจาก AAT เมื่อได้พิจารณาเอกสารและข้อโต้แย้งทางกฏหมายที่เรายื่นเข้าไปแล้ว ก็เห็นด้วยกับเรา คนเขียนก็ได้รับจดหมายวันนี้ว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมา Hearing แล้วนะ ไม่เกิน 2 อาทิตย์จะส่งคำตัดสิน (ที่เป็นบวก) มาให้ (เย้)

เคสของน้องเป็นเคสที่ต้องพิจารณาทั้งข้อเท็จจริงบวกกับข้อกฏหมายที่คนเขียนระบุไปทาง AAT ว่า ข้อมูลเดิมไม่ถูกต้อง ข้อมูลใหม่ถูกต้องและเข้าข้อกฏหมาย ซึ่งเคสที่ต้องพิจารณาทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฏหมายแบบเคสนี้ มีน้อยมากที่ AAT จะตัดสินโดยไม่ต้องไป Hearing  ลูกความดีใจมาก (บวกกับงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น) คนเขียนก็ดีใจมากเช่นกัน (เพราะลึกๆคนเขียนก็แอบห่วงอยู่ว่าน้องจะตอบได้ดีหรือไม่)

โดยส่วนใหญ่แล้ว เคสที่ AAT อาจจะตัดสินโดยไม่ต้องไป Hearing จะเป็นเคสที่ไม่ต้องลงไปพิจารณาข้อเท็จจริง แต่จะเป็นเคสประมาณลืมยื่นเอกสารบางอย่างที่ชั้นอิมมิเกรชั่น แต่มีมายื่นที่ชั้น AAT  เช่นผลภาษาอังกฤษ หลักฐานประกันสุขภาพ ใบตำรวจ เป็นต้น (ป.ล. ในบางเคสการลืมยื่นเอกสารประเภทนี้ที่ชั้นอิมมิเกรชั่น ก็ไม่ทำให้ชนะที่ชั้นอุทธรณ์นะคะ ขึ้นอยู่กับเคสแต่ละเคสค่ะ)

นี่คือเหตุผลที่คนเขียนต้องขอให้นัดทำคอนซัลก่อนที่จะพิจารณารับเคสอุทธรณ์นะคะ จะได้เข้าใจตรงกันว่าเป็นเคสที่น่าจะมีความหวังหรือไม่ (น้องบางคนอาจจะงงๆว่า ก็แค่อยากรู้ว่าจะรับทำรึเปล่าและค่าบริการเท่าไหร่)......สำหรับคนเขียน ถ้าไม่ได้อ่านคำตัดสิน ไม่ได้สัมภาษณ์หาข้อมูลเพิ่มเติม คนเขียนจะไม่รับทำเคส หลายๆเคสอ่านคำตัดสินเจอประเด็นนึง เมื่อรับงานมาและดูเอกสารกันลึกๆเจอประเด็นเพิ่มอีกหลายประเด็นเลยค่ะ อันนี้เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เมื่อรับงานมาแล้ว เราก็ดูแลกันไป

......... แถม.... อีกหนึ่งประสบการณ์เมื่อเร็วๆนี้...

เคสนี้น้องติดต่อมาว่าจะทำยังไงดี วีซ่าถูกปฏิเสธ น้องยื่นอุทธรณ์ด้วยตัวเองไปแล้ว แต่ไปทำอีท่าไหนไม่รู้ไม่ได้จ่ายเงินค่าอุทธรณ์ให้ AAT

เมื่อเรานัดคอนซัลและดูเอกสารที่น้องส่งมา .... คนเขียนคาดว่าน้อง Tick ผิดช่องทำให้ใบสมัครของน้องแทนที่จะเป็น Migration review application กลายเป็น Refugee review application ซึ่งทำให้น้องยื่นใบสมัครได้โดยไม่ต้องชำระเงิน (ไม่ต้องลองนะคะ มันไม่ใช่เทคนิคการประหยัดเงิน แต่มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น - อ่านต่อไปจะเข้าใจค่ะ)

เคส Migration review application ยังไงก็ต้องมีการชำระเงินก่อนที่ระบบออนไลน์จะรับเรื่องค่ะ

เคสนี้น้องยื่นเอง นอกจาก Tick ผิดช่องทำให้ยื่น Migration review application โดยไม่ต้องชำระเงินแล้ว มีการกรอกแบบฟอร์มผิดอีกตังหาก แต่ AAT ก็ใจดียอมรับเรื่องกรอกแบบฟอร์มผิด ส่งจดหมายมาขอให้ชำระเงินค่าอุทธรณ์เท่านั้นเอง

แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหน????

ปัญหามันอยู่ที่การยื่นอุทธรณ์ประเภทที่มีค่ายื่นอุทธรณ์ จะต้องมีทั้งการยื่นใบสมัครและมีการชำระเงินด้วย และทั้งสองอย่างนี้จะต้องเกิดขึ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการยื่นอุทธรณ์ ในเคสนี้คือ 21 วันนับจากได้รับแจ้งว่าถูกปฏิเสธวีซ่า

น้องยื่นใบสมัครอุทธรณ์ทันเวลา (แบบไม่จ่ายตังค์)   AAT ส่งจดหมายแจ้งให้น้องจ่ายตังค์ ซึ่งโชคดีที่ยังเหลือเวลาอีก 1 วันครึ่ง ให้น้องจ่ายตังค์ได้ทันเวลา  ปัญหาคือน้องไม่ได้จ่ายตังค์ใน 1 วันครึ่งที่เหลืออยู่นี่ซิคะ ตอนที่ติดต่อมาหาคนเขียนนี่คือเลยระยะเวลา 21 วันตามที่กฏหมายกำหนดไปเรียบร้อยแล้ว

น้องบอกว่าน้องมีเหตุผล ระบบอีเมล์ของน้องไม่ดี กว่าอีเมล์จะเด้งขึ้นมาให้น้องเห็น ก็เลยเวลา 21 วันไปแล้ว (ถ้าเราให้อีเมล์เป็นช่องทางการติดต่อ เราต้องมั่นใจว่าเราจะเช็คอีเมล์และระบบอีเมล์ของเราดีนะคะ ไม่อย่างงั้นน้องอาจจะเจอประสบการณ์คล้ายๆกับน้องคนนี้) ในเคสนี้ น้องอาจจะลองทำคำอธิบายเข้าไปที่ AAT ว่าทำไมถึงชำระค่ายื่นอุทธรณ์ไม่ทันเวลา แต่คนเขียนคิดว่ามีเปอร์เซ็นต์น้อยมากที่ AAT จะยอมรับเคสนี้ไว้พิจารณา แนวทางการตัดสินของ AAT ในกรณีแบบนี้คือ No Jurisdiction (AAT ไม่มีอำนาจในการพิจารณาเคสของน้องแล้ว) เพราะถือว่าเป็นการยื่นอุทธรณ์ Out of time (เลยเวลาที่อนุญาตให้ยื่นอุทธรณ์) แต่เนื่องจากว่าน้องไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ไม่ลองไม่รู้ ถ้าลองเขียนคำอธิบายเข้าไป น้องอาจจะโชคดี AAT เห็นใจ แต่ถ้า AAT ไม่เห็นใจ ก็เป็นอะไรที่คาดไว้อยู่แล้ว

เคสนี้ วีซ่าที่น้องยื่นอุทธรณ์ไม่ทันเป็นวีซ่าพีอาร์ด้วยค่ะ ซึ่งน่าเสียดายมาก และเนื่องจากน้องถูกปฏิเสธวีซ่าและตอนนี้ก็ถือ Bridging visa น้องก็ติด section 48 บาร์ คาดว่าเคสนี้น้องจะต้องกลับไปยื่นวีซ่าตัวใหม่จากไทยค่ะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

ฺฺBridging visa

13/4/2018

 
Bridging visa คืออะไร

คนเขียนมักจะอธิบายแบบสั้นๆง่ายๆให้ลูกความฟังว่า Bridging visa คือวีซ่า "รอ" .... รออะไร ... ก็รอผลการพิจารณาของวีซ่าตัวจริงที่เรายื่นขอไปไงคะ เช่นวีซ่านักเรียน วีซ่าคู่ครอง วีซ่าทำงาน  อิมมิเกรชั่นเรียกวีซ่าตัวจริงพวกนี้ว่า "Substantive visa"

วีซ่า "รอ" (Bridging visa) กับวีซ่าตัวจริง (Substantive visa) มีความสัมพันธ์กันอยู่ค่ะ

  • พอเรายื่นขอวีซ่าตัวจริงอะไรซักอย่างเข้าไปที่อิมมิเกรชั่น เช่นวีซ่านักเรียน วีซ่าคู่ครอง วีซ่าทำงาน
  • อิมมิเกรชั่นก็จะออก Bridging visa มาให้ เพื่อที่ผู้สมัครจะได้ "รอ" ผลการพิจารณาวีซ่าอยู่ในประเทศออสเตรเลียได้อย่างถูกกฏหมาย
  • โดยส่วนใหญ่แล้วอิมมิเกรชั่นจะออก Bridging visa ให้โดยอัตโนมัติเมื่อมีการยื่นขอ Substantive visa .... ใช้คำว่า "โดยส่วนใหญ่" เพราะก็มีบางกรณีที่ Bridging visa ไม่ได้ออกให้อัตโนมัติ คือต้องกรอกแบบฟอร์มยื่นขอกันตังหาก
  • ถ้าอิมมิเกรชั่นพิจารณาออกวีซ่าตัวจริง (Substantive visa) ให้ ผู้สมัครก็จะเปลี่ยนจากการถือวีซ่า "รอ"  (Bridging visa) ไปถือวีซ่าตัวจริงโดยอัตโนมัติ
  • ถ้าอิมมิเกรชั่นปฏิเสธไม่ให้วีซ่า ตัว Bridging visa ที่ถืออยู่ก็จะหมดไป 28 วัน หรือ 35 วัน หลังจากที่ผู้สมัครได้รับแจ้งการถูกปฏิเสธวีซ่า
                                     Q: ทำไมต้องมี 28 วัน หรือ 35 วันด้วย??
                                     A: ก็เพราะมีกฏเปลี่ยนเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2016

                                      Q: แล้วจะทราบได้ยังไงว่า Bridging visa หมดอายุเมื่อไหร่กันแน่
                                      A: ถ้า Bridging visa ออกก่อนวันที่ 19 พฤศจิการยน 2016 - 28 วัน
                                          ถ้าออกวันที่ 19 พฤศจิการยน 2016 หรือหลังจากนั้น - 35 วัน
                                          ทางที่ดีที่สุด เช็ค VEVO ค่ะ

  • ถ้าถูกปฏิเสธวีซ่า และมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ไปที่ AAT และได้ยื่นอุทธรณ์ไปที่ AAT .... Bridging visa แทนที่จะหมดอายุใน 28 หรือ 35 วัน ก็จะยืดออกโดยอัตโนมัติ ...คือไม่หมดอายุ... คือรอต่อไป รอผลการพิจารณาในชั้นอุทธรณ์ (คนเขียนถึงเรียก Bridging visa เป็นภาษาไทยสั้นๆว่าวีซ่า "รอ")  - นอกเรื่องนิดนึง...
                    - ทุกครั้งที่เขียนเกี่ยวกับการยื่นอุทธรณ์ คนเขียนจะย้ำเสมอว่า อุทธรณ์ไม่ใช่ทางออกของทุกเคส
                      นะคะ (ครั้งนี้ก็ต้องย้ำ) คือมันไม่ใช่สูตรนะคะว่าพอถูกปฏิเสธจะต้องยื่นอุทธรณ์ ต้องดูความเหมาะสม
                      ของเคสด้วย ว่าควรยื่นอุทธรณ์หรือไม่
                    - บางเคสมีโอกาสยื่นขอวีซ่าไปที่อิมมิเกรชั่นใหม่ และการยื่นใหม่อาจจะดีกว่าการยื่นอุทธรณ์
                    - บางเคสถึงจะมีโอกาสยื่นขอวีซ่าใหม่อีกครั้ง แต่การยื่นอุทธรณ์น่าจะมีโอกาสได้วีซ่ามากกว่า
                    - บางเคสเมื่อพิจารณาตัวบทกฏหมายและสถานการณ์ของเคส ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไม่มีโอกาสชนะที่
                      ชั้นอุทธรณ์ ก็ไม่ควรยื่น
                    - บางเคสถึงจะไม่มีโอกาสผ่านที่ชั้นอุทธรณ์ก็ควรยื่น (แต่ก็ไม่ใช่ทุกเคส เพราะถ้าการยื่นไม่ได้ให้
                      ประโยชน์อะไรกับเราเลย นอกจากการเสียตังค์ ก็ไม่ทราบว่าจะเสียตังค์ไปทำไม)
                    - บางเคสก็ควรจะยื่นอุทธรณ์ด้วย ยื่นใหม่ด้วย เพื่อเป็นการเปิดทางเลือกให้มากที่สุด ซึ่งแน่นอนว่า
                      ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้นตามโอกาสที่มากขึ้น (ย้ำอีกครั้งว่า นี่ไม่ใช่สูตร ไม่ได้ใช้ได้กับทุกเคสทุกสถานการณ์
                      ในบางเคสก็เป็นการใช้เงินโดยเปล่าประโยชน์)
      
  • ในกรณีที่เคสชนะที่ชั้นอุทธรณ์ เคสก็จะถูกส่งกลับไปให้อิมมิเกรชั่นพิจารณาอีกครั้ง วีซ่า "รอ" ก็ยังคงอยู่ เพราะก็ยังรอผลการพิจารณาจากอิมมิเกรชั่นอยู่
  • ถ้าแพ้ที่ชั้นอุทธรณ์ ก็ย้อนกลับไปดูข้างบน ระยะเวลา 28 หรือ 35 วัน ก็จะเริ่มหลังจากที่ได้รับการแจ้งผลอุทธรณ์
                   - บางเคสมีทางไปต่อนะคะ แต่หลังจากนี้จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างซับซ้อนแล้ว

ฺฺคนเขียนขอสรุปวีซ่า "รอ" ที่เจอกันเป็นปกตินะคะ  (แบบไม่ปกติขอไม่พูดถึง)

Bridging visa A - รออยู่ในประเทศเท่านั้น ออกไปเที่ยวนอกประเทศระหว่างรอไม่ได้ (จริงๆ คือ ออกได้ แต่จะไม่ได้กลับเข้ามา)
               
Bridging visa B - สำหรับคนที่ต้องการออกไปเที่ยว ไปเยี่ยมญาติ ไปทำธุระนอกประเทศระหว่างรอการพิจารณาวีซ่าตัวจริง Bridging visa B นี่เป็นวีซ่าแบบที่อิมมิเกรชั่นไม่ได้ออกให้โดยอัตโนมัตินะคะ ต้องสมัครและเสียตังค์ด้วย และเฉพาะคนที่ถือ ฺBridging visa A เท่านั้นนะคะ ที่จะขอ Bridging visa B ได้ 

Bridging visa C - จะออกให้กับคนที่มีสถานะเป็นผี (ไม่มีวีซ่า) หรือถือ Bridging visa (ที่ไม่ใช่ Bridging visa E) ตอนยื่นขอวีซ่าตัวจริง

Bridging visa E - จะออกให้กับคนที่มีสถานะเป็นผี ที่ต้องการเตรียมตัวเดินทางกลับออกไป หรือมีการยื่นอุทธรณ์ในกรณีวีซ่าถูกยกเลิก หรือมีการยื่นอุทธรณ์ไปหารัฐมนตรีด้านคนเข้าเมือง ในกรณีแบบนี้ต้องมีการยื่นขอนะคะ
อิมมิเกรชั่นไม่ได้ออก  Bridging visa E ให้โดยอัตโนมัติ และสำหรับคนที่เป็นผีและเคยได้รับ Bridging visa E มาแล้ว และมีการยื่นขอวีซ่าตัวจริงเข้าไป โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะได้ Bridging visa E โดยอัตโนมัติ

ในกรณีที่เคสค่อนข้างซับซ้อน ก็อาจจะมีอาการงงๆกันนิดนึงว่าตกลงถือ Bridging visa ตัวไหนกันแน่ บางคนก็ได้ Bridging visa มาหลายตัวเพราะยื่นขอวีซ่าหลายตัว หรือมีการยื่นอุทธรณ์ด้วย ขอวีซ่าใหม่ด้วยเป็นต้น

คิดอะไรไม่ออก เช็ค VEVO ค่ะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

แชร์ประสบการณ์ Partner visa - Schedule 3 waiver Request

13/10/2017

 
คนเขียนเพิ่งแจ้งข่าวดีให้กับลูกความคู่นึงไป ข่าวดีของคนที่ยื่นวีซ่าก็คงไม่มีอะไรนอกจากวีซ่าออกแล้ว

เคสนี้เป็นเคสที่เราดูแลกันมายาวนานพอสมควร ลูกความติดต่อคนเขียนมาตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว ลูกความไม่ถือวีซ่ามาระยะใหญ่ แต่มีแฟนออสซี่ แต่เนื่องจากกฏเกณฑ์นโยบายการขอวีซ่าคู่ครองของคนที่ไม่มีวีซ่า ก็เปลี่ยนมาระยะนึงแล้ว ซึ่งทำให้โอกาสการได้วีซ่าในเคสแบบนี้ยากขึ้นมาก

ทางเลือกของคนไม่ถือวีซ่าที่ต้องการยื่นวีซ่าคู่ครอง (ก็ได้เคยโพสไปแล้วว่า) มีอยู่สองทาง คือการกลับออกไปยื่นวีซ่าแบบนอกประเทศออสเตรเลีย หรือเสี่ยงยื่นวีซ่าแบบในประเทศออสเตรเลียถ้าคิดว่าเคสของเรามีเหตุผลที่น่าเห็นใจจริงๆ (Schedule 3 waiver request) คนเขียนใช้คำว่า"เสี่ยง" เพราะต่อให้เราคิดว่าเรามีเหตุผลน่าเห็นใจแค่ไหน เหตุผลอาจจะไม่มากพอในมุมมองของอิมมิเกรชั่น ซึ่งก็อาจจะทำให้เราถูกปฏิเสธวีซ่าได้ เมื่อถูกปฏิเสธวีซ่าในกรณีแบบนี้ ก็มีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งอุทธรณ์ก็มีความเสี่ยง อาจจะชนะหรือแพ้ ไม่มีใครตอบได้

จากประสบการณ์ในการทำงานด้านนี้ คนเขียนคิดว่าเคสนี้เป็นเคสที่น่าเห็นใจจริงๆ แต่เนื่องจากว่าคนเขียนก็ไม่ใช่คนตัดสินเคส ลูกความก็ต้องเป็นคนตัดสินใจเองว่าจะเลือกทางไหนที่ตัวเองพอรับได้ ระหว่าง

1. กลับไปยื่นที่ไทย ซึ่งการพิจารณาน่าจะเร็วกว่าและมีโอกาสได้วีซ่าสูงกว่า (ถ้าความสัมพันธ์หนักแน่นมั่นคงและมีหลักฐานสนับสนุนที่ดี) แต่ก็คงจะต้องรออยู่ที่ไทยจนกว่าจะได้วีซ่า เพราะการขอวีซ่าท่องเที่ยวมาในระหว่างรอคงไม่ผ่านเนื่องจากเคยอยู่เป็นผีที่ออสเตรเลียมาระยะใหญ่ และถ้าวีซ่าคู่ครองไม่ผ่านจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ก็คงต้องรออยู่ที่ไทยจนกว่าอุทธรณ์จะผ่าน หรือได้วีซ่าประเภทอื่น

หรือ

2. เสี่ยงยื่นที่นี่ ซึ่งโอกาสที่จะถูกปฏิเสธที่ชั้นอิมมิเกรชั่นก็สูงพอสมควร แต่โอกาสที่จะชนะที่ชั้นอุทธรณ์ก็พอมี ถ้าถูกปฏิเสธ ก็มีโอกาสตัดสินใจว่าจะกลับไปวีซ่ายื่นใหม่ที่ไทยดี หรือจะเสี่ยงลุยต่อไปชั้นอุทธรณ์ดี ถ้าไม่ผ่านที่ชั้นอุทธรณ์ ก็คงจะได้กลับไปยื่นใหม่ที่ไทยจริงๆ ยกเว้นว่าจะมีเหตุให้อุทธรณ์ต่อในชั้นอื่นได้ (ซึ่งในบางเคสก็มีความเป็นไปได้)

คนเขียนง่ายๆ ถ้าลูกความลุย คนเขียนก็ลุยค่ะ แต่ก่อนลุย ลูกความต้องเข้าใจพื้นฐานเคสของตัวเองจริงๆก่อน ...
ทำงานกับคนเขียนไม่มีการเพ้นท์ภาพสวยหรู ไม่มีโลกสวย เราเอาเรื่องจริงมาคุยกัน คนเขียนไม่เห็นประโยชน์ที่จะบอกลูกความว่าเคสง่ายๆเดี๋ยวก็ได้วีซ่า ถ้าในความเป็นจริงมันไม่ใช่

สรุปว่าลูกความเลือกเสี่ยงยื่นที่นี่ คนเค้ารักกันอยากอยู่ดูแลกัน (และที่สำคัญมีเหตุผลน่าเห็นใจ) คนเขียนก็ลุย ลูกความก็ลุยค่ะ และเราก็ถูกปฏิเสธ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดคาด แต่ผิดหวัง คนเขียนก็ถามว่าจะยื่นอุทธรณ์หรือจะกลับไปยื่นที่ไทย ในใจก็นึกว่าในเมื่อลุยมาถึงตรงนี้แล้ว ก็ควรจะลุยต่อ ไม่อย่างงั้นก็ควรยื่นที่ไทยตั้งแต่แรก นึกแต่ไม่ได้พูดเพราะนี่คือชีวิตของลูกความ และทั้งสองทางต่างก็มีข้อดี/ข้อเสียของมันเอง ก็ต้องให้ลูกความเลือกและตัดสินใจเอาเอง คนเขียนไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินใจแทน แต่มีหน้าที่ให้คำแนะนำประกอบการตัดสินใจ

ลูกความตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ คนเขียนชื่นใจมาก ไม่ได้ชื่นใจเพราะลูกความตัดสินใจยื่นอุทธรณ์ แต่เพราะขออะไรไปก็จะพยายามหาให้อย่างรวดเร็ว แบบไม่ต้องตามไม่ต้องถามซ้ำ (proactive แบบสุดๆ) และเราก็ชนะที่ชั้นอุทธรณ์ เคสถูกส่งกลับไปให้อิมมิเกรชั่นพิจารณาต่อ และในที่สุดคุณลูกความก็ได้วีซ่าสมใจ ซึ่งในเคสนี้ลูกความได้วีซ่าคู่ครองแบบถาวรเลยด้วยค่ะ  .... คนเขียนชื่นใจและดีใจเหมือนได้วีซ่าซะเอง  ... นับรวมเวลาตั้งแต่เข้ามาขอคำปรึกษาเบื้องต้นจนถึงวันนี้ 4 ปี กับอีก 2 เดือน

หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าแล้วจะบอกไหมว่าเหตุผลที่น่าเห็นใจมันคืออะไร ... ไม่บอก ... ความลับของลูกความบอกไม่ได้ ... และบอกไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะแต่ละเคสก็มีลักษณะเฉพาะตัว ก็ต้องพิจารณากันเป็นเคสๆไป  สำหรับบางคนที่เหมารวมว่าคนไม่มีวีซ่า/ผีจะไม่มีทางขอวีซ่าคู่ครองแบบในประเทศได้และต้องกลับไปยื่นแบบนอกประเทศเท่านั้น ก็ต้องบอกว่าไม่จริงเสมอไป

คนเขียนเคยโพสไว้นานแล้วว่าเคสบางเคสทนายหรือเอเจนต์ต้องทำงานกับเรานานเป็นปีๆ เลือกคนที่คลิ๊กกับเรานะคะ จะได้ทำงานด้วยกันอย่างสบายใจ

นอกเรื่อง .... มีน้องๆถามเกี่ยวกับ Bridging visa มาค่อนข้างเยอะ คนเขียนร่างไว้แล้วแต่ยังไม่เสร็จ รออีกแป๊บ...
ที่ถามๆกันมาก็จะพยายามตอบให้นะคะ (ถ้าตอบได้) อาจจะตอบเป็นการส่วนตัว หรือทาง Blog ในหัวข้อ ถาม-ตอบ จิปาถะ (ไม่มีความจำเป็นต้องเช็ค Blog ทุกวันนะคะ ถ้าตอบทาง Blog จะแจ้งให้ทราบว่าตอบให้แล้วใน Blog)
คำถามที่คนเขียนไม่ได้ตอบ คือคำถามที่ต้องดูเอกสารประกอบหรือต้องซักถามกันเพิ่มเติมหรือต้องอธิบายกันแบบยาวๆ ในกรณีแบบนี้รบกวนนัดปรึกษารับคำแนะนำกันแบบเป็นเรื่องเป็นราวนะคะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

แชร์ประสบการณ์ - บทเรียนราคาแพง

13/8/2015

 
เป็นอีกหนึ่งโพสต์ที่เขียนไว้นานแล้ว ไม่เสร็จซะที
คือคนเขียนไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพนะคะ ต้องมี Mood เหมาะๆถึงจะเขียนออก บวกกับต้องมีเวลาด้วย นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงภาษาที่ใช้ด้วย พยายามให้อ่านและเข้าใจได้ง่าย และไม่วิชาการจนเกินไป -- ไม่รู้สำเร็จรึเปล่า
เอาเป็นว่าในที่สุดโพสต์นี้ก็คลอดแล้ว คนเขียนหวังว่าคนอ่านจะได้ประโยชน์และข้อคิดจากโพสต์บ้างนะคะ

เรื่องมีอยู่ว่าคุณลูกความมาขอคำปรึกษาค่ะ เริ่มด้วยการแจ้งคนเขียนว่า ตอนนี้คุณลูกความถือ
Bridging visa อยู่ เพราะยื่นอุทธรณ์ไปที่ MRT (ตอนนี้เป็น AAT แล้วนะคะ) แต่เนื่องจากเรื่องอุทธรณ์ไม่ประสบความสำเร็จ ฺBridging visa ที่ถืออยู่ก็กำลังจะหมดไป คุณลูกความเล่าว่าทนายคนที่ทำเรื่องให้แจ้งว่ามีอยู่ 2 ทางเลือก คือ

    A. กลับไปยื่นใบสมัครขอวีซ่าตัวที่ต้องการยื่น (ซึ่งเป็นวีซ่าชั่วคราว) มาใหม่จากไทย หรือ

    B. ยื่นอุทธรณ์ไปที่ศาล (Federal Circuit Court) โดยทนายคนนี้บอกว่านอกจากมีโอกาสชนะแล้ว การยื่นเรื่อง
        ไปที่ศาลก็จะทำให้ได้ Bridging visa ที่จะอยู่ที่ออสเตรเลียต่อไปอย่างถูกกฏหมาย


คุณลูกความอยากทราบความเห็นคนเขียนว่าจะเลือกทางไหนดี ถึงจะมีโอกาสได้วีซ่าคืนมามากที่สุด

ฟังดูแล้วเหมือนจะดีนะ มีตั้ง 2 ทางเลือก ไม่ได้ประชดนะคะ บางเคสถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยังมีหลายทางเลือกได้ จริงๆนะ .......แต่ ไม่ใช่เคสนี้.....

หลังจากสัมภาษณ์กันอยู่นานสองนาน เพื่อให้แน่ใจว่าคนเขียนได้ข้อมูลที่ถูกต้อง คนเขียนก็สรุปข่าวร้ายให้คุณลูกความฟังเป็นข้อๆดังนี้

    1. คุณลูกความไม่ได้ถือวีซ่ามานานมากแล้ว ที่คิดว่าถือ Bridging Visa อยู่นั้น มันไม่จริง จากประวัติที่ลูกความให้มา รับรองได้ว่าเป็นผีมานานแล้ว คุณลูกความคิดว่าคนเขียนล้อเล่น 
แหม่..ใครจะมาล้อเล่นเรื่องแบบนี้ ว่าแล้วก็ขอเช็คสถานะวีซ่าจากระบบ VEVO ของอิมให้เลย ซึ่งก็ไม่ได้โชว์ว่าคุณลูกความถือวีซ่าอะไรอยู่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็แปลว่าไม่ได้ถือวีซ่านั่นแหละค่ะ (โดยส่วนน้อยแปลว่าอาจจะมีการขัดข้องทางเทคนิคเกิดขึ้น)

ลูกความแย้งว่า เป็นไปไม่ได้นะ เพราะใช้บริการทนายความมาตั้งแต่ต้น จะมีปัญหาแบบนี้ได้ยังไง และทนายก็บอกเองว่าถือ Bridging visa อยู่ ... ว่าแล้วก็ตั้งท่าจะร้องไห้ .... คือกฏหมายด้านนี้เปลี่ยนบ่อยและซับซ้อนค่ะ สำหรับเคสนี้ ทนายอาจจะเข้าใจข้อกฏหมายผิดๆมาตั้งแต่ต้น หรือไม่ก็หลอกลูกความมาโดยตลอด คนเขียนไม่อาจทราบได้

    2. การกลับไปยื่นวีซ่าตัวที่ต้องการจากไทยก็ทำไม่ได้ เนื่องจากประวัติและความที่เป็นผีมานาน ทำให้เมื่อกลับออกไปก็ไม่สามารถขอวีซ่าตัวที่ต้องการซึ่งเป็นวีซ่าชั่วคราวได้ เพราะจะติดบาร์ไปอีก 3 ปี

    3. การยื่นเรื่องไปที่ศาล (Federal Circuit Court) ก็ไม่มีโอกาสชนะ เพราะจากที่คนเขียนได้อ่านข้อวินิจฉัยของอิมมิเกรชั่นและของ MRT (อุทธรณ์) คำตัดสินของทั้งสองชั้นก็เป็นไปตามหลักกฏหมาย (คนเขียนอยากบอกว่าจริงๆแล้ว เคสนี้มีสิทธิ์ชนะที่ MRT แต่คุณทนายลืม(รึเปล่า?)แจ้งลูกความให้ไปขึ้นศาล และตัวเองก็ลืม(รึเปล่า?)ไปศาล (MRT) ด้วย!! - MRT ก็เลยตัดสินไปตามเอกสารเดิมที่มี คือเห็นตามอิมนั่นเอง) เมื่อเคสเป็นแบบนี้แล้ว คิดว่าการยื่นอุทธรณ์ไปที่ Federal Circuit Court จะชนะหรือคะ ถ้าแพ้คดีที่ Federal Circuit Court คุณลูกความก็จะเสียค่าทนายความและค่าขึ้นศาลให้ทั้งฝ่ายของตัวเองและฝ่ายของอิมมิเกรชั่นด้วย (ซึ่งคาดว่าเกินหมื่นเหรียญแน่ๆ) แล้วจะทำไปเพื่ออะไร นอกจากนั้นยื่นเรื่องไปก็ไม่ได้ทำให้ได้ Bridging visa เหมือนที่ทนายได้บอกไว้ เพราะคุณลูกความไม่มีสิทธิได้ Bridging visa มาตั้งแต่ต้น ถึงได้เป็นผีมาตั้งนานแล้ว!!!!

จบแล้วค่ะ คำแนะนำที่ให้กับคุณลูกความ
(ข่าวร้ายล้วนๆ) - จริงๆแล้วรายละเอียดเยอะมาก เล่าได้ไม่หมดค่ะ

วันถัดมาคุณลูกความเข้าไปหาอิมและโทรกลับมายืนยันว่า ตัวเองเป็นผีมานานแล้วจริงๆ แถมยังถูกอิมโวยมาอีกตังหากว่าเป็นไปได้ยังไงเป็นผีมาตั้งนานแล้วไม่รู้ตัว ให้เวลา 2 อาทิตย์สำหรับแพ็คกระเป๋ากลับบ้าน!!

เคสนี้น่าสงสารมากค่ะ เพราะลูกความลงทุนทำธุรกิจของตัวเองด้วย สุดท้ายต้องบอกขายแบบขาดทุนในระยะเวลา 2 อาทิตย์ เพราะอิมไม่ขยายเวลาให้อยู่ต่อ เนื่องจากไม่เชื่อว่าคุณลูกความเป็นผีโดยไม่ได้ตั้งใจ - แต่คนเขียนเชื่อ

ถ้ารออ่านว่าคนเขียนจะทำอะไรให้ได้บ้าง บอกเลยว่าทำอะไรให้คุณลูกความไม่ได้
กว่าจะถึงมือคนเขียนก็สายเกินแก้ คือว่าไม่ได้มีเวทมนต์นะคะ เป็นนักกฏหมายค่ะ ก็ต้องว่ากันไปตามตัวบทกฏหมาย คนเขียนก็พยายามแก้ทุกโจทย์นะคะ แต่ไม่ใช่ว่าทุกโจทย์จะมีทางแก้


สุดท้ายก่อนจากกัน คนเขียนแจ้ง (ข่าวดีเล็กๆ) แก่คุณลูกความว่ามีวีซ่าชนิดที่ไม่ติดบาร์ 3 ปีอยู่นะ พร้อมแจ้งเงื่อนไขหลักๆของวีซ่าที่คุณลูกความอาจจะมีสิทธิ์ในอนาคต ลูกความรู้สึกดีขึ้นมานิดนึง แต่ก็ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งกันใหม่จากไทย เพราะเจ้าตัวยังมีคุณสมบัติไม่ถึงสำหรับวีซ่าชนิดที่ไม่ติดบาร์นี้

บทเรียนราคาแพงสำหรับลูกความท่านนี้ สอนอะไรคนอ่านบ้างคะ

# Second opinion (ความเห็นที่สอง) บางครั้งก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ... แต่ควรจะหา Second opinion ให้ถูกเวลาด้วยนะคะ คือก่อนการตัดสินใจทำอะไรซักอย่าง -- จริงๆแล้วเคสนี้ คุณลูกความก็มาหา Second opinion ก่อนที่จะเดินสเต็ปต่อไปนะคะ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดีมาก เพียงแต่ว่าเคสนี้พลาดมาตั้งแต่ต้นแล้ว Second opinion เลยช่วยอะไรไม่ได้มาก นอกจากการได้รู้สถานะจริงๆของตัวเอง และไม่ต้องเสียเงินทอง หรือถูกหลอก(รึเปล่า?)อีกต่อไป

## เมื่อทนายความ หรือเอเจนต์ที่ดูแลเรา แจ้งว่าเราได้วีซ่าแล้ว หรือแจ้งว่าตอนนี้เราถือวีซ่าตัวใดตัวหนึ่งอยู่ (เช่น ในกรณีนี้ Bridging visa ) เพื่อป้องกันความผิดพลาด เราก็ควรขอหลักฐานการถือวีซ่าตัวนั้นๆไว้ด้วยนะคะเพื่อความแน่ใจ ถ้าเกรงใจไม่กล้าขอ หรือขอแล้วไม่ให้ เช็คเองได้ค่ะ จาก VEVO

ป.ล. ถ้าถึงจุดที่ต้อง
เกรงใจไม่กล้าขอ หรือขอแล้วไม่ให้ คนเขียนว่าเปลี่ยนทนายความ หรือเอเจนต์จะดีกว่าค่ะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer

www.immigrationsuccessaustralia.com

เมื่อวีซ่านักเรียนถูก Cancelled - student visa cancellation

8/3/2014

 
คงไม่มีใครอยากถูกยกเลิกวีซ่าหรอกนะคะ ทางที่ดีที่สุดคือตั้งใจเรียน ทำattendance ให้ครบตามจำนวนที่กำหนด สอบให้ผ่าน เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหา -- สรุปว่าปฏิบัติตามกฏ กติกา แล้วชีวีตจะปลอดภัย และอยู่ในออสเตรเลียได้อย่างมีความสุข

ในกรณีที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว วีซ่านักเรียนได้ถูกยกเลิกไปเรียบร้อย ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพยายามแก้ปัญหากันไป คนเขียนมีอดีตนักเรียนหลายคนที่ติดต่อเข้ามาเพราะวีซ่านักเรียนถูกยกเลิก บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่แบบไม่มีวีซ่ามาเป็นปี ที่ติดต่อคนเขียนก็เพราะต้องการทำวีซ่าตัวอื่นเช่น วีซ่าคู่ครอง หรือวีซ่า 457 และก็ได้รู้ตอนที่เข้ามาคุยกับคนเขียนนั่นเองว่าตัวเองเป็นผี (แบบไม่รู้ตัวว่าเป็นผี) มานานมาก โชคดีที่ไม่ถูกจับ ส่งตัวกลับเมืองไทย

กรณีที่เห็นบ่อยก็เช่น เปลี่ยนที่อยู่ และ/หรือ อีเมล์ แต่ไม่ได้แจ้งให้ทางโรงเรียนและอิมทราบ ผลก็คือไม่ได้รับจดหมาย หรือ Notification ที่ทางโรงเรียน หรืออิมส่งมา และวีซ่าก็ถูกยกเลิกในที่สุด  ในกรณีที่ถือวีซ่าติดตามแฟน หากวีซ่าหลักถูกยกเลิก วีซ่าของคนที่ติดตามก็จะถูกยกเลิกตามไปด้วย

สำหรับอดีตนักเรียนหมาดๆ ที่วีซ่าเพิ่งจะถูกยกเลิกไป เราต้องคิดเร็ว และทำเร็วค่ะ เพราะต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่ถือว่าได้รับ Notification ตามกฏหมาย
   
คนเขียนเสียดายแทนน้องหลายๆคน ที่ปล่อยให้ตัวเองพลาดอุทธรณ์ -- ในหลายๆเคส แม้เจ้าตัวจะคิดว่าไม่มีหวัง เมื่อเข้ามาคุยกัน ให้คนเขียนสัมภาษณ์แบบเจาะลึก บางเคสต้องบอกว่ามีโอกาสมากที่จะได้วีซ่าคืน เพราะฉะนั้นอย่าเสียโอกาสค่ะ  บางเคสก็เป็นเพียงแค่การชลอเวลากลับเมืองไทย สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ อย่าเพิ่งถอดใจค่ะ และควรขอคำแนะนำจาก Professional โดยเร็วที่สุด

มีน้องบางคนบอกว่าไปปรึกษา Migration Agent แล้ว แต่ Agent บอกว่าเคสไม่มีหวัง เลยไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ คนเขียนอยากจะเปรียบเทียบการใช้บริการด้านนี้กับการไปหาหมอ อะไรที่สำคัญกับชีวิตและอนาคต ก็ควรมี Second opinion หรือ Third opinion เพราะหมอแต่ละคนก็มีความเห็น มุมมอง และวิธีการรักษาแตกต่างกันไป ไม่ต่างจาก Immigration Lawyer หรือ Migration Agent หรอกค่ะ  คนที่บอกว่าหมดหวัง เค้าอาจจะคิดแบบนั้นจริงๆ จะด้วยประสบการณ์ที่แตกต่าง มุมมองเฉพาะตัว หรืออาจจะไม่ได้สัมภาษณ์กันแบบเจาะลึก หลายๆครั้งเมื่อลงลึกในแต่ละเคส จากที่เหมือนจะไม่มีทางออกและหมดหวัง กลับกลายเป็นพอมีความหวัง แน่นอนว่าคงไม่มี Professional คนไหนรับประกันได้ว่าน้องจะได้วีซ่าคืนแน่ๆ แต่เมื่อมีความหวัง และยังอยากจะอยู่ที่นี่ต่อ ก็ต้องลุยไปข้างหน้า - ยื่นอุทธรณ์ (หรือไม่ก็แพ็คกระเป๋าเตรียมกลับบ้าน) 

Visa Cancellation ในความเห็นของคนเขียนถือเป็น Complex case คือเคสที่มีความซับซ้อน เนื่องจากว่าเมื่อวีซ่าถูกยกเลิกแล้ว ผลกระทบที่ตามมาก็คือ Section 48 Bar (คืออะไร?? อ่านได้ ที่นี่ ค่ะ) ยังไม่หมดค่ะ ยังถูก Bar ไม่ให้สมัครวีซ่าอีกหลายๆชนิด (รวมถึงวีซ่า 457) ในระยะเวลา 3 ปี นับตั้งแต่วีซ่าถูกยกเลิกด้วย ไม่ว่าจะยื่นใน หรือนอกประเทศออสเตรเลีย ในบางเคสก็อาจจะถูก Bar ด้วยกฏตัวอื่นๆเพิ่มขึ้นมาอีก

เห็นมั๊ยคะว่าเคสวีซ่า Cancellation นั้นไม่ง่ายเลย ยื่นอุทธรณ์ไปแล้วก็ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย แต่ควรมีการวางแผนการใช้ชีวิตระหว่างรอ เพื่อที่จะทำให้เคสของเรามีความหวังมากที่สุด และมองหา Backup plan แต่ละเคส Backup plan ไม่เหมือนกันค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เฉพาะตัวของเคสนั้นๆ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

จะยื่นวีซ่า จำเป็นต้องใช้ Migration Agent หรือไม่

10/10/2013

 
คำตอบคงแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนตอบแต่ถ้าถามคนเขียน แน่นอนว่าคำตอบต้องเป็นว่า "ควรจะ" หรือในบางกรณี "ต้องใช้" ถ้าไม่อยากเสียเงิน เสียเวลา เสียประวัติ และในบางเคสเสียอนาคตที่จะได้อยู่ในประเทศนี้

การที่เรายื่นขอวีซ่าแล้วจะได้หรือไม่ได้วีซ่านั้น อิมพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของ:-
    1.  ตัวบทกฏหมายคนเข้าเมือง และ
    2.  นโยบายของรัฐบาลในช่วงเวลานั้นๆ 
อย่างที่เคยกล่าวมาแล้ว บางครั้งเรายื่นเอกสารตาม checklist ที่หาได้จากเวปของอิม ไม่เพียงพอ และมีหลายเคสที่ถูกปฏิเสธทั้งที่ยื่นเอกสารทุกอย่างที่อิมต้องการ  เหตุผลส่วนใหญ่ของการถูกปฏิเสธก็เพราะเอกสารที่ยื่นไปไม่มีคุณภาพ

ในความเห็นของคนเขียนนะคะ คนที่อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้บริการของ Registered Migration Agent (RMA) หรือ Immigration Lawyer ก็คือคนที่ยื่นวีซ่าที่ไม่มีความซับซ้อนมาก เช่นวีซ่าท่องเที่ยว, อ่านข้อมูลจากอิมแล้วเข้าใจ, และไม่ได้มีประวัติทางอิมมิเกรชั่นที่ซับซ้อน เช่นไม่เคยถูกปฏิเสธ หรือยกเลิกวีซ่า, ไม่เป็นผี, วีซ่าตัวปัจจุบันไม่มีเงื่อนไขที่ทำให้ยากต่อการยื่น

คนที่ "ควรจะ" หรือ "ต้องใช้" บริการของ Professional ก็คือคนที่ยื่นวีซ่าที่ค่อนข้างซับซ้อน และมีข้อกำหนดมากมาย เช่น 457, ENS, RSMS, Partner visa และคนที่มีประวัติทางอิมมิเกรชั่นที่ยุ่งเหยิง ส่วนใหญ่เจ้าตัวจะรู้ดีว่าประวัติตัวเองมีความเสี่ยงหรือไม่

ยกตัวอย่าง Partner visa

หลายคนอาจจะเถียงอยู่ในใจว่า Partner visa ง่ายนิดเดียวทำเองก็ได้  สำหรับคนเขียนคิดว่าจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ขึ้นอยู่กับเคสแต่ละเคส  คนที่ทำเองและได้วีซ่ามาแล้ว ก็ต้องว่าง่ายล่ะ  คนที่ทำเองแล้วถูกปฏิเสธมา ก็มานั่งเสียใจว่า รู้อย่างงี้ใช้บริการ Professional ตั้งแต่แรกดีกว่า

คนเขียนมีคนที่ถูกปฏิเสธ Partner visa ติดต่อเข้ามามากมาย บางคนก็ใช้บริการ Agent ที่ไม่ใส่ใจ ไม่ตาม และสะเพร่าในการทำงาน บางคนก็อ่านเอง ทำเอง, ทำตามเพื่อนบอก, แฟนออสซี่ยืนยันว่าเค้าทำได้ สารพัดเหตุผล ......ปัญหาก็คือ เมื่อมาถึงจุดที่ถูกปฏิเสธวีซ่า บางเคสก็โชคดีพอมีทางแก้ไข แต่เสียตังค์เพิ่ม และแน่นอนเสียเวลา ..... บางเคสก็ไม่มีทางแก้ นอกจากจะต้องออกจากประเทศออสเตรเลีย

เมื่อเร็วๆนี้คนเขียนได้ให้คำปรึกษากับลูกความชาวเม็กซิกัน ซึ่งมาหาคนเขียนหลังจากที่ได้ยื่น Partner visa เข้าไปเอง รอมาปีกว่า ก็ได้รับจดหมายจากอิมขอเอกสารเพิ่มเติม เจ้าตัวเริ่มกังวลว่าควรยื่นเอกสารอะไรบ้าง เพื่อที่วีซ่าจะได้ผ่านแน่ๆ  หลังจากคนเขียนได้อ่านจดหมายจากอิม และซักถามประวัติอยู่ชั่วโมงกว่า ก็สรุปได้ว่า....ไม่ว่ายื่นเอกสารอะไรเข้าไปเคสนี้ก็ไม่ผ่าน (ถ้าผ่านก็ฟลุกล่ะ)  ลูกความร้องไห้ พร้อมบอกคนเขียนว่าก่อนยื่นก็ไปหา Agent มา Agent บอกว่าไม่มีปัญหายื่นได้ เจ้าตัวก็เลยยื่นเอง คนเขียนก็ตอบไม่ได้ (เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์) ว่า Agent คนนั้นไม่ดูเคสให้ละเอียด หรือไม่เชี่ยวชาญพอเลยให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือให้ข้อมูลถูกต้อง แต่ลูกความต้องการประหยัดเลยทำไปตามมีตามเกิด (และตามความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง)  ผลสุดท้ายเคสนี้แทนที่จะเป็นการประหยัดตังค์ กลายเป็นเคสที่ทั้งแพง เพราะจะต้องเสียตังค์ซ้ำซ้อน และเสียเวลาไปอีกอย่างน้อยๆ 2-3 ปี .....  ณ จุดนี้จะไม่ให้ Professional ทำก็ไม่ได้แล้ว เพราะกลายเป็น Complex case ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายสูงไปตามความยากของงาน ..... ถามว่าคุ้มกันไหม กับเวลาที่เสียไป

นอกจากปัญหาวุ่นวายนี้แล้ว ตลอดเวลาปีว่าที่รอเรื่องมา ลูกความท่านนี้ถือ Bridging visa ที่ไม่สามารถทำงานได้ ด้วยความไม่รู้ และไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ก็ทำงานหลบๆซ่อนๆ เสี่ยงต่อการถูกจับมาปีกว่า ทั้งๆที่ไม่จำเป็นเลย เพราะลูกความท่านนี้จริงๆแล้วสามารถที่จะขอเปลี่ยนเงื่อนไขให้ทำงานได้

บางครั้งความไม่รู้ ทำให้เราพลาดสิ่งที่ไม่ควรจะพลาด เสียโอกาสที่ไม่ควรจะเสีย

คนเขียนไม่ได้บอกว่าทุกคนจำเป็นต้องใช้บริการของ Registered Migration Agent หรือ Immigration Lawyer นะคะ  แต่ละคนก็ต้องใช้วิจารณญานของตัวเอง ว่าเคสของเราจำเป็นต้องใช้บริการของ Professional หรือไม่  เราเข้าใจข้อกฏหมายและนโยบายที่อิมจะเอามาปรับใช้แค่ไหน และยอมรับความเสี่ยงที่จะทำเองและอาจมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นได้หรือไม่

คนเขียนแค่รู้สึกเสียดายโอกาสของหลายๆคน ที่ถ้าทำให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็คงไม่มาอยู่ที่จุดนี้ที่ต้องเสียตังค์ซ้ำซ้อน และชีวิตก็จะยังไม่แน่นอนไปอีกหลายปี

สำหรับคนที่เดินผิดพลาด เอาใจช่วยค่ะ
สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำเองดีหรือไม่ คิดให้ถี่ถ้วน อ่านแล้วอ่านอีก ถ้ามั่นใจ ลุยเลยค่ะ แต่อย่าทำอะไรครึ่งๆกลางๆ ถ้าจะทำเองทำให้ดีที่สุด จะได้ไม่มาเสียใจทีหลัง ถ้าไม่มั่นใจในความสามารถตัวเอง ใช้บริการ Professional ค่ะ มีมากมายทั้งคนไทย และชาติอื่น รวมถึงออสซี่ด้วย

Blog ถัดไป .... วิธีเลือก Registered Migration Agent / Immigration Lawyer ....

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

Section 48 Bar คืออะไร

31/7/2013

 
คนเขียนกำลังมองหาทางออกให้น้องคนนึง ซึ่งอยู่เป็นผีมาหลายปี ซึ่งต้องลงไปดูหลายข้อกฏหมาย เลยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ post เรื่อง Section 48 bar ที่สัญญาไว้เมื่อวันที่ 19/07/13

แล้วตกลง Section 48 Bar มันคืออะไร และสำคัญอย่างไร

Section 48 หรือมาตรา 48 ของกฏหมายคนเข้าเมือง เขียนไว้ว่า
คนที่ไม่ได้ถือ Substantive visa (ซึ่งก็คือวีซ่าทั้งหลาย ที่ไม่ใช่ Bridging visa) และนับจากที่เข้ามาในประเทศออสเตรเลียครั้งล่าสุด หากได้ถูกปฏิเสธ หรือยกเลิกวีซ่า คนเหล่านี้ไม่สามารถต่อวีซ่าในประเทศออสเตรเลียได้ ยกเว้นวีซ่าบางประเภทเท่านั้น

ป.ล. ถูกปฏิเสธ กับถูกยกเลิกวีซ่า ความหมายต่างกันนะคะ อ่านได้ที่ post แรก 14/06/13 ค่ะ

ในความเห็นคนเขียนนะคะ การปล่อยให้วีซ่าถูกปฏิเสธ หรือถูกยกเลิก โดยที่ไม่คิดให้ถี่ถ้วน หรือพยายามหาทางออกอื่น (ถ้ามี) ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยค่ะ เพราะท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวอาจจะได้รับผลกระทบของมาตรา 48 ไม่สามารถยื่นวีซ่าในประเทศออสเตรเลียได้

ก็ยื่นนอกประเทศสิ ไม่เห็นมีปัญหา???

อาจจะมี หรือไม่มีปัญหา ตอบไม่ได้ค่ะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของแต่ละเคส ขึ้นอยู่กับความจำเป็น และความอยากที่จะกลับเข้ามาอยู่ในประเทศออสเตรเลีย  ปัญหาที่เห็นคือ
1.     วีซ่าบางประเภทหากยื่นนอกประเทศแล้วไม่ผ่าน ผู้ยื่นไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ยกเว้นว่าจะมีความผิดพลาดทางข้อกฏหมายเกิดขึ้น ซึ่งค่าใช้จ่ายก็จะสูง  ในขณะที่วีซ่าประเภทเดียวกัน หากยื่นในประเทศออสเตรเลีย แล้วถูกปฏิเสธจะมีสิทธิอุทธรณ์ (แต่ถ้าถูก Section 48 Bar ซะแล้ว ก็ไม่สามารถยื่นได้  ถูกมั๊ยคะ)
2.     วีซ่าบางประเภทแม้จะยื่นนอกประเทศ แล้วไม่ผ่านก็มีสิทธิอุทธรณ์ แต่การอุทธรณ์ส่วนใหญ่ใช้เวลานานค่ะ 12-15 เดือน ซึ่งผู้อุทธรณ์ส่วนใหญ่ก็จะไม่สามารถขอวีซ่ากลับเข้ามาในประเทศออสเตรเลียได้ในระหว่างอุทธรณ์

เพราะฉนั้น หากท่านใดอยู่ในระหว่างอิมพิจารณาเคส และก่ำกึ่ง ว่าจะติด Section 48 Bar ซึ่งที่ทำได้คือ ขอรับคำแนะนำที่ถูกต้องแต่เนิ่นๆค่ะ เพื่อจะได้มีเวลาวางแผนงาน โดยเฉพาะคนที่อยากเป็น PR บางครั้้งเราต้องมองยาว และวางแผนไกลๆค่ะ บางเคสอาจจะไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องติด Section 48 Bar ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ต้องมาแก้ปัญหากันไปหลังติดมาตรา 48 จะมีทางออกยังไง อันนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์รายบุคคลนะคะ

Blog writer: Kanokwan Subhodyana
Immigration Lawyer
www.immigrationsuccessaustralia.com

    Author


    พี่เก๋ - กนกวรรณ ศุโภทยาน เป็นทนายความไทย และทนายความของประเทศออสเตรเลีย (Immigration Lawyer)

    มีประสบการณ์เป็นทนายความเฉพาะทาง ด้าน IMMIGRATION ของประเทศออสเตรเลีย รับวางแผนการขอวีซ่า ยื่นใบสมัครขอวีซ่าทุกประเภท ช่วยเหลือในชั้นอุทธรณ์ที่ Administrative Appeals Tribunal และในชั้นศาลค่ะ

    ต้องการคำแนะนำ หรือความช่วยเหลือ ติดต่อได้ที่ Immigration Success Australia
    mb: 0428 191 889 หรือ www.immigrationsuccessaustralia.com

    Archives

    July 2021
    June 2021
    March 2021
    February 2021
    January 2021
    December 2020
    November 2020
    October 2020
    September 2020
    July 2020
    June 2020
    May 2020
    April 2020
    March 2020
    February 2020
    March 2019
    January 2019
    November 2018
    October 2018
    August 2018
    July 2018
    June 2018
    April 2018
    October 2017
    September 2017
    August 2017
    May 2017
    April 2017
    August 2015
    April 2015
    December 2014
    September 2014
    August 2014
    June 2014
    March 2014
    January 2014
    October 2013
    September 2013
    July 2013
    June 2013

    Categories

    All
    วีซ่า
    อุทธรณ์
    วีซ่าคู่ครอง
    101
    102
    103
    143
    173
    186
    187
    190
    300
    309
    4020
    408
    445
    457
    462
    476
    482
    485
    489
    491
    500
    870
    AAT
    Accountant
    Administrative Appeals Tribunal
    Adoption Visa
    Approved Nomination
    Australia
    Australian
    Australian Citizenship
    Australian Immigration
    Bar
    Bricklayer
    Bridging Visa
    Bridging Visa A
    Bridging Visa E
    BVA
    BVE
    Changes To Immigration Law
    Changing Courses
    Chef
    Child Visa
    Consolidated Sponsored Occupations List
    COVID 19
    COVID-19
    CSOL
    Decision Ready
    Decision-ready
    Decision Ready Application
    Decision-ready Application
    De Facto Relationship
    Employer Sponsored
    English Exemption
    ENS
    Exercise Physiologist
    Family
    Family Violence
    Federal Circuit Court
    Graduate Work
    GTE
    Hydrogeologist
    Ielts
    Immigration
    Immigration Lawyer
    Judicial Review
    Jurisdictional Error
    Migration Agent
    Migration Review Tribunal
    MRT
    Nomination
    Orphan Relative Visa
    Overstay
    Parent
    Partner Visa
    PIC 4020
    Post Study Work
    Processing Period
    Protection Visa
    Public Interest Criteria
    Public Interest Criterion
    Regional Australia
    Regional Visas
    Registered Migration Agent
    Rma
    RSMS
    Section 48
    Section 48 Bar
    Self Sponsorship
    Skilled Migration
    Skilled Occupations List
    Skilled Work Regional
    Skills Assessment
    SOL
    Sponsor
    Sponsorship
    Student Visa
    Substantive Visa
    Training
    Tsmit
    Unlawful
    Visa Cancellation
    Visa Refusal
    Wall And Floor Tiler
    Working And Holiday Visa

    RSS Feed

Powered by Create your own unique website with customizable templates.